เช็กจังหวัด โดนฤทธิ์ “พายุคัลแมกี” 7 พ.ย. นี้หลังถล่มฟิลิปปินส์ 85 ศพ

อัปเดตเส้นทาง พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี จ่อขึ้นเวียดนาม หลังคร่า 85 ศพ ฟิลิปปินส์ ไทยเตรียมรับมือ โดน 7 พ.ย. หลังอ่อนกำลังเป็นดีเพรสชั่น ฝนตกหนักมากในภาคอิสาน
6 พฤศจิกายน รายงาน ไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) สร้างความเสียหายอย่างหนักให้ภาคกลางของฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 ราย สูญหายอีก 75 คน หลายพื้นที่เผชิญน้ำท่วมฉับพลันรุนแรง ประชาชนจำนวนมากต้องหนีตายขึ้นไปติดอยู่บนหลังคาบ้าน กระแสน้ำยังเชี่ยวกราก พัดพารถยนต์ลอยไปหลายสิบตัน จังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักสุดยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัวจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อไม่นานนี้

ในกลุ่มผู้เสียชีวิต เป็นทหาร 6 นาย เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ตก ที่จังหวัดอากูซันเดลซูร์ ทางภาคใต้ เมื่อวันอังคาร กองทัพแถลงว่า ทหารกลุ่มนี้กำลังเดินทางไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ประสบภัยไต้ฝุ่น แต่ยังไม่ระบุสาเหตุที่เครื่องตก
กรมอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นคัลแมกีได้เคลื่อนตัวออกจากจังหวัดปาลาวัน ลงสู่ทะเลจีนใต้แล้ว เมื่อช่วงสายวันพุธ มีความเร็วลมสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลมกระโชกแรง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันพลเรือน (OCD) เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเซบู ภาคกลาง ซึ่งถูกไต้ฝุ่นถล่มอย่างหนักเมื่อวันอังคาร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน แม่น้ำลำคลองเอ่อล้น

กระแสน้ำท่วมได้เข้าถาโถมชุมชนที่อยู่อาศัย บีบให้ชาวบ้านต้องปีนหนีขึ้นไปบนหลังคา พวกเขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง สภากาชาดฟิลิปปินส์ได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากผู้ติดค้างบนหลังคาจำนวนมาก แต่การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่ต้องรอจนกว่าน้ำท่วมจะลดระดับลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อทีมกู้ภัย
จังหวัดเซบู ซึ่งมีประชากรมากกว่า 2.4 ล้านคน ได้ประกาศภาวะภัยพิบัติ เพื่อให้ทางการสามารถเบิกจ่ายงบประมาณฉุกเฉินเพื่อรับมือภัยพิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เซบูยังคงอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.9 เมื่อวันที่ 30 กันยายน เหตุแผ่นดินไหวครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 79 ราย บ้านเรือนพังทลายจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตในจังหวัดเซาเทิร์นเลเต เป็นผู้สูงอายุจมน้ำเสียชีวิต กับที่จังหวัดโบโฮล มีผู้เสียชีวิต 1 รายจากการถูกต้นไม้ล้มทับ ก่อนที่ไต้ฝุ่นจะขึ้นฝั่ง ทางการได้อพยพประชาชนมากกว่า 387,000 คนไปยังที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่สั่งห้ามเรือเฟอร์รีกับเรือประมงออกจากฝั่ง ทำให้ผู้โดยสารกว่า 3,500 คนติดค้างตามท่าเรือเกือบ 100 แห่ง เที่ยวบินในประเทศถูกยกเลิกอย่างน้อย 186 เที่ยวบิน
ฟิลิปปินส์เผชิญไต้ฝุ่นกับพายุประมาณ 20 ลูกในแต่ละปี ประเทศยังมักเผชิญแผ่นดินไหวกับภูเขาไฟมีพลัง ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงภัยพิบัติมากที่สุดในโลก
พายุคัลแมกี จ่อถล่มเวียดนาม แรงกว่าถล่มฟิลิปปินส์ เตือน อันตรายเป็นพิเศษ
ศูนย์คาดการณ์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม ออกประกาศเตือนภัยพายุฉุกเฉิน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) ระบุว่า พายุคัลแมกี พายุหมายเลข 13 ประจำปี 2568 ในทะเลจีนใต้ กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าตรงสู่พื้นที่ตั้งแต่จังหวัดกว๋างหงายถึง ดั๊กลัก พายุมีความเร็วลมกระโชกแรงสูงสุดถึงระดับ 17
เมื่อเวลา 07.00 น. เช้าวันนี้ ศูนย์กลางพายุอยู่ที่ละติจูด 13.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.2 องศาตะวันออก อยู่ห่างจากเมืองกวีเญิน จังหวัดยาไล ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 330 กม. ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางพายุอยู่ที่ระดับ 14 (150–166 กม./ชม.) ลมกระโชกแรงระดับ 17 พายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 30 กม./ชม.

คาดการณ์ว่า ภายในเวลา 16.00 น. เย็นวันนี้ (6 พ.ย.) ศูนย์กลางพายุจะอยู่ห่างจากเมืองกวีเญินไปทางตะวันออกประมาณ 120 กม. โดยยังคงความรุนแรงระดับ 14 ลมกระโชกแรงระดับ 17 จากนั้นพายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในช่วงเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน บริเวณชายแดนจังหวัดกว๋างหงาย กับ ตอนใต้ของลาว ความเร็วลมจะลดลงเหลือระดับ 9 ลมกระโชกระดับ 11 ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และสลายตัวเมื่อเคลื่อนเข้าสู่ดินแดนประเทศไทย
ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้ (6 พ.ย.) จะเกิดฝนตกหนักเป็นวงกว้าง และตกต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ ในพื้นที่ตั้งแต่ตอนใต้ของจังหวัดกว๋างจิ (Quảng Trị) ถึง จังหวัดเลิมด่ง (Lâm Đồng) โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งแต่เมืองดานัง (Đà Nẵng) ถึง จังหวัดดั๊กลัก (Đắk Lắk) จะมีฝนตกหนักที่สุด ปริมาณน้ำฝนทั่วไปอยู่ที่ 200-400 มม. บางแห่งอาจสูงถึง 600 มม. ส่วนพื้นที่อื่นจะมีฝน 150-300 มม. ทางการเตือนให้ระวังน้ำท่วมสูงในพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มในพื้นที่ภูเขา
ช่วงเวลาที่พายุขึ้นฝั่งจะประจวบกับช่วงน้ำทะเลหนุนสูง อาจทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ในพื้นที่ชายฝั่งตั้งแต่เมืองเว้ ถึง จังหวัดดั๊กลัก (พื้นที่เดิมคือจังหวัดฟู้เอียน) ก่อให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ คลื่นซัดข้ามแนวกันคลื่น และกัดเซาะชายฝั่ง

ศูนย์คาดการณ์ฯ ประเมินว่า พื้นที่ด้านตะวันออกของจังหวัดกว๋างหงายและยาไล (พื้นที่เดิมคือ กว๋างหงายและบิ่ญดิ่ญ) จะได้รับผลกระทบโดยตรงและรุนแรงที่สุดจากลมของพายุ อาจมีลมกระโชกแรงระดับ 14-15 ส่วนพื้นที่ชายฝั่งตั้งแต่ตอนใต้ของกว๋างจิถึงดานัง อาจมีลมกระโชกแรงระดับ 8-9 ช่วงที่ลมจะแรงที่สุดคือตั้งแต่คืนนี้จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้
นายมาย วัน เคียม ผู้อำนวยการศูนย์คาดการณ์ฯ ระบุว่า พายุหมายเลข 13 เป็นพายุที่ “อันตรายเป็นพิเศษ” มีความรุนแรงมากในทะเลจีนใต้ และอาจยังคงความรุนแรงสูงเมื่อเคลื่อนขึ้นฝั่ง เขาเตือนว่าอาจเกิดน้ำท่วมระลอกใหม่ในระบบแม่น้ำหลายสาย เนื่องจากปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำยังคงสูงอยู่ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดน้ำท่วมระดับเตือนภัย 2 ถึง 3 บางแม่น้ำอาจเกินระดับเตือนภัย 3
ขณะนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในพื้นที่ภูเขาทางตะวันตกของจังหวัดภาคกลางและเขตที่ราบสูงภาคตะวันตก พายุลูกนี้เคลื่อนตัวเร็ว คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่กว๋างหงายและยาไลในคืนนี้ ทางการได้เตือนให้พื้นที่ที่มีการทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในยาไล ดั๊กลัก และพื้นที่ใกล้เคียง ให้เฝ้าระวังสูงสุดและเตรียมแผนรับมือ

กรมอุตุนิยมวิทยาไทย อัพเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี) ประจำวันที่ 6 พ.ย. 68 เวลาเช้า
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี มีศูนย์กลางอยู่บริเวณ ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ห่างจากชายฝั่งประเทศเวียดนามราว 500 กิโลเมตร ขณะนี้กำลัง เคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และคาดว่าจะ เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 6–7 พ.ย. 68
หลังจากนั้น พายุจะ อ่อนกำลังลงตามลำดับ จนกลายเป็น หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุม ประเทศไทยตอนบน เริ่มจาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.อุบลราชธานี) วันที่ 7 พ.ย. 68 ทำให้มี ฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักหลายพื้นที่ในภาคอีสาน ส่วน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ กทม. จะได้รับผลกระทบในช่วง 8–9 พ.ย. 68
คำเตือน
• เฝ้าระวัง ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
• เกษตรกรที่กำลัง เก็บเกี่ยวหรือตากผลผลิต ควรเร่งป้องกันความเสียหายจากฝนในระยะนี้
ภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่ง อันดามัน (ช่วง 6–9 พ.ย. 68) จะมี ฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง พร้อมคลื่นลมที่ มีกำลังแรงขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจากแบบจำลองของกรมอุตุนิยมวิทยา


ติดตาม The Thaiger บน Google News:





