
เริ่มแล้ว 29 ต.ค. “คนละครึ่งพลัส” รัฐช่วยจ่าย 50% สูงสุด 200 บาทต่อวัน วงเงินรวม 2,000–2,400 บาท เช็กวิธีเติมเงิน G-Wallet และเงื่อนไขสำคัญ ต้องใช้ครั้งแรกก่อน 11 พ.ย. นี้
วันนี้ (29 ต.ค. 68) ถือเป็นวันแรก ประชาชน 20 ล้านคน ผู้ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” สามารถเริ่มใช้จ่ายได้ โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50% แต่ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน ตลอดระยะเวลาโครงการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
สรุปสิทธิประโยชน์ “คนละครึ่งพลัส” ใครได้กี่บาท
แบ่งผู้ได้รับสิทธิเป็น 2 กลุ่ม โดยมีวงเงินสนับสนุนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานะการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2567 (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 68)
- กลุ่มผู้ยื่นแบบภาษี (ภ.ง.ด. 90, 91 หรือ 95)
- รับวงเงินสิทธิ 2,400 บาท
- กลุ่มประชาชนทั่วไป (ผู้ไม่ยื่นแบบภาษี)
- รับวงเงินสิทธิ 2,000 บาท
ทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับสิทธิสนับสนุนจากรัฐ 50% สูงสุด 200 บาทต่อวันเท่ากัน หากวันใดใช้ไม่หมด หรือใช้ไม่ถึง 200 บาท ยอดเงินที่เหลือในส่วนของรัฐจะถูกสะสมรวมเข้ากับยอดวงเงินสิทธิรวม และระบบจะรีเซ็ตวงเงินอุดหนุนรายวันเป็น 200 บาทอีกครั้งในเวลา 06:00 น. ของทุกวัน
ย้ำเงื่อนไขสำคัญ ต้องใช้ครั้งแรกก่อน 11 พ.ย.
ผู้ที่ได้รับสิทธิ คนละครึ่งพลัสทุกคน จะต้องเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 23:00 น. หากไม่มีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันเวลาดังกล่าว สิทธิในโครงการทั้งหมดจะถูกตัดทันที ถือเป็นการสละสิทธิ

วิธีเติมเงินเข้า G-Wallet
ก่อนเริ่มใช้จ่าย ต้องเติมเงินของตนเองเข้า G-Wallet ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ก่อน เพื่อใช้ชำระในส่วน 50% ของตนเอง สามารถเติมเงินได้หลายช่องทาง ดังนี้
- เติมผ่าน Mobile Banking คัดลอกหมายเลข G-Wallet ID 15 หลักในแอปฯ เป๋าตัง แล้วไปที่เมนู “เติมเงิน” หรือ “เติมเงิน e-Wallet” ในแอปฯ ธนาคารที่ใช้งาน
- เติมผ่าน QR Code สร้าง QR Code เติมเงินในแอปฯ เป๋าตัง แล้วใช้ Mobile Banking ของธนาคารใดก็ได้สแกนเพื่อเติมเงิน
- หากมีบัญชีกรุงไทย สามารถผูกบัญชีเพื่อเติมเงินได้โดยตรง
- เติมเงินจากแอปฯ Krungthai NEXT ได้โดยตรง
ขั้นตอนจ่ายเงิน คนละครึ่งพลัส ณ ร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการ
- เปิดแอปฯ “เป๋าตัง” เลือกแบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่งพลัส”
- กดปุ่ม “สแกน QR เพื่อใช้สิทธิ”
- สแกน QR Code ของร้านค้าที่ใช้แอปฯ “ถุงเงิน”
- ระบบจะแสดงยอดรวม และยอดที่ต้องจ่าย 2 ส่วน (ส่วนของประชาชน และส่วนที่รัฐช่วยจ่าย)
- ตรวจสอบยอดเงินให้ถูกต้อง
- กดยืนยันการชำระเงิน ใส่รหัส PIN 6 หลัก
- รับสลิปบันทึกรายการแบบดิจิทัล

ซื้ออะไรได้บ้าง-ไม่ได้บ้าง
สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิได้
- อาหาร เครื่องดื่ม
- สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป (จากร้านค้ารายย่อย)
- บริการส่วนบุคคล เช่น นวด สปา ทำผม ทำเล็บ
- บริการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ สามล้อ (ต้องลงทะเบียนถูกต้อง)
- ฟู้ดเดลิเวอรี (เริ่ม 7 พ.ย. 68) ใช้ได้กับ GrabFood, LINE MAN, ShopeeFood และ Robinhood โดยรัฐจะอุดหนุนเฉพาะ ค่าอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น (ไม่รวมค่าจัดส่ง)
สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิไม่ได้
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ยาสูบ (บุหรี่)
- บัตรกำนัล (Voucher)
- บัตรของขวัญ (Gift Card)
- การชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า

ใช้เงินไม่หมด 200 บาท เก็บไว้ใช้วันถัดไปได้ไหม
ในทุกๆ วัน เวลา 06:00 น. ระบบจะรีเซ็ตวงเงินอุดหนุนรายวันใหม่เป็น 200 บาท แต่ ส่วนที่ใช้ไม่หมดในแต่ละวัน จะไม่ถูกตัดทิ้ง ยอดเงินคงเหลือในส่วนของรัฐที่ใช้ไม่หมด จะถูกสะสม กลับเข้าไปใน ยอดวงเงินสิทธิรวม
สรุปง่ายๆ คือ ใน 1 วัน คุณใช้สิทธิส่วนของรัฐได้สูงสุด 200 บาท ถ้าวันนี้คุณใช้ไป 50 บาท ส่วนของรัฐ เงินที่เหลือ 150 บาท จะไม่หายไปไหน แต่จะกลับไปรวมในยอดรวมที่เหลือของคุณ พอถึง 6 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ คุณก็จะกลับมามีสิทธิใช้ 200 บาทสำหรับวันใหม่ตราบใดที่ยอดรวมยังไม่หมด
คนละครึ่งพลัสซื้อของเซเว่นได้ไหม
ติดตาม The Thaiger บน Google News:






