ถึงคิว จิราพร ฉะกลางสภา รัฐบาลอนุทิน “พิสดาร“ ฮึ่ม 4 เดือนนี้ พท.เช็กเข้ม

ถึงคิว จิราพร ฉะเดือดกลางสภาฯ ท้ารัฐบาลอนุทิน ชวน สว. กลางสภาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำตาม MOA ชี้ภูมิใจไทยเมินข้อตกลง-ส่อสืบทอดอำนาจม-แทรกแซงคดี หวั่นชุบชีวิตฝ่ายอนุรักษ์นิยม
นางสาวจิราพร สินธุไพร สส. ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล วันที่สอง โดยสส.จากพรรคพท. ชี้ชัดว่า รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐบาลพิเศษที่เกิดท่ามกลางสถานการณ์ผิดปกติมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยวิธีพิสดาร
สส.น้ำ ให้เหตุผลเนื่องจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล 18 มิถุนายน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วต่อมา 24 มิถุนายน ผู้นําประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศว่าไทยจะเปลี่ยนผู้นําในอีก 3 เดือน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน และทำให้เรามีรัฐบาลใหม่ภายใน 3 เดือน อย่างที่ผู้นําประเทศเพื่อนบ้านกล่าวไว้ สอดคล้องกับกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในประเทศไทยได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ในระหว่างเปลี่ยนรัฐบาลจนถึงวันตั้งรัฐบาลจะพบว่า มีความลึกลับมากมาย ซึ่ง MOA อาจเป็นเพียงฉากหน้าที่ฉากหลังมีข้อตกลงที่ไม่ได้อยู่ใน MOA หรือไม่ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านก็หวังที่จะใช้ MOA นี้ บังคับรัฐบาลให้ทําตามข้อตกลง แต่เมื่อรัฐบาลภูมิใจไทยคลอดออกมาก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ในการฉีก MOA ทันที โดยเฉพาะข้อ 4 ของ MOA ที่ห้ามรัฐบาลแปลงเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก กลับมีคะแนนโหวตที่ล้นเกินกว่าที่สื่อมวลชนรายงาน และกลุ่ม สส. เตรียมย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวเชื่อว่า ระยะเวลา 4 เดือน ก่อนยุบสภา พรรคภูมิใจไทยจะเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มจํานวน สส. ทําให้ขยับเข้าใกล้รัฐบาลเสียงข้างมากเข้าไปทุกที แบบไม่เกรงใจผู้นําฝ่ายค้านเหมือนกําลังจงใจฉีกข้อตกลง MOA
ทั้งนี้ ในอดีตเคยมีรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อยุบสภา แก้ไขปัญหาทางการเมืองคือรัฐบาลของ นายอานันท์ ปันยารชุน หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งหากเราไปดูคําแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 22 มิถุนายน 2535 พบว่า มีความยาวเพียงหนึ่งหน้ากระดาษ ระบุชัดเจนว่าเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคืนอํานาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนทําให้ระบอบประชาธิปไตยสามารถดําเนินการต่อเนื่องได้ มีการระบุนโยบายสําคัญของประเทศอยู่บางประการ และงานเฉพาะหน้าที่ต้องทําในห้วงเวลาอันสั้น
นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเฉพาะกิจที่ไม่ได้มีข้อตกลงทางการเมืองกับพรรคการเมืองใด แต่ทราบภารกิจหลักของตนเอง และประกาศผ่านการแถลงนโยบายอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ซึ่งรัฐบาลนายอานันท์ได้ทําตามคําแถลงนโยบายโดยการยุบสภาภายในเวลาอันรวดเร็ว เปิดทางให้มีการเลือกตั้ง ทําให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ เกิดพัฒนาการทางการเมือง ที่ปูทางให้มีการจัดทํารัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
นางสาวจิราพร ยังกล่าวว่า นายอนุทินควรนํา MOA เข้ามาบรรจุในการแถลงนโยบาย พร้อมอธิบายว่าจะทําตามข้อตกลงเหล่านั้นให้สําเร็จภายใน 4 เดือนได้อย่างไร เพราะคําแถลงนโยบาย 7 หน้าที่อ่าน นายกรัฐมนตรีไม่ได้ฟังสิ่งที่ผู้นําฝ่ายค้านทําข้อตกลงกับท่านที่ระบุว่า ไม่ได้เลือกท่านมาบริหาร แต่เลือกท่านมาเพื่อยุบสภา
“MOA ไม่มีผลผูกพัน รัฐสภาตามกฎหมาย แต่ถ้าดูในสถานะการเมืองแล้ว MOA มีน้ําหนักและมีผลต่อรัฐบาลชุดนี้มากกว่านโยบายที่นายอนุทินอ่านให้เราฟังซะอีก และเป็นที่น่าสังเกตว่ารัฐบาลนี้เกิดจาก MOA แต่ปรากฏว่าคนที่พูดถึง MOA น้อยที่สุดกับเป็นรัฐบาลเสียเอง แม้แต่วันแถลงนโยบายที่ซึ่งเป็นวันที่สําคัญที่สุดท่านก็ไม่พูดถึง ถ้าดิฉันเป็นพรรคที่โหวตให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคิดว่าคงถึงขั้นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ”นางสาวจิราพร ระบุ
นางสาวจิราพร ระบุด้วยว่า สิ่งที่คนอยากฟังคือเรื่องที่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้อ่าน ในคำแถลงนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องคดีที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางท่าน เช่น คดีฮั้ว สว. และคดีเขากระโดง ซึ่งประชาชนยังหวาดระแวงสงสัยว่าท่านจะยุบคดีก่อนการยุบสภา แม้นายกรัฐมนตรีจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่ได้ทําคดีเหล่านี้ แต่ถูกกลั่นแกล้งนั้น จะกลายเป็นว่า ใครที่ทําคดีเหล่านี้จะเป็นการกลั่นแกล้งนายกรัฐมนตรี จะทําให้ข้าราชการไม่กล้าทําอะไรหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องหาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แต่ขณะเดียวกัน การแถลงนโยบายในหน้าแรกระบุว่า จะยึดมั่นในหลักนิติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
นางสาวจิราพร ยังกล่าวว่า ภารกิจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดกลายเป็นเรื่องที่เล็กที่สุดในคําแถลงนโยบาย การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเอ็มโอเอ ถูกย่อเหลือเพียง 3 บรรทัด จาก 7 หน้ากระดาษ ซึ่งมีความยาวน้อยกว่าใน MOA
ด้วยว่า MOA นี้ทําให้ กลไกการตรวจสอบ ถูกทําให้อ่อนแอลงไป ทําให้ฝ่ายค้านตั้งคําถามกับฝ่ายค้านด้วยกันเอง และฝ่ายค้านตรวจสอบการทํางานของฝ่ายค้านด้วยกันเอง และฝ่ายค้านบางพรรคไม่สามารถอยู่แบบไร้ตัวตนได้ รวมถึงไร้จุดยืน เพราะ มีฝ่ายค้านส่วนหนึ่งยกมือและเป็นองค์ประชุมให้กับรัฐบาล
นางสาวจิราพร กล่าวอีกว่า มีคนบอกว่ารัฐบาลกับสภาสูงเป็นสีเดียวกัน มีการเชื่อมโยงอํานาจบริหารกับองค์กรอิสระผ่านกลไกของ สว. ซึ่งเป็นผู้ตั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นทําให้ไม่สามารถเห็นความเป็นไปได้ของการสร้างประชาธิปไตย จึงขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าตอนที่ท่านไปเซ็น MOA เมื่อมาอ่านคําแถลงต่อนโยบายไม่รู้สึกหรือไม่ว่ามันขัดกันและรู้สึก หรือไม่ว่าจะทําได้จริง นอกจากนี้เชื่อว่าจะนําไปสู่ความสําเร็จตาม MOA หรือไม่
นางสาวจิราพร ยังเสนอให้มีการทําสัตยาบันร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายค้าน และสว. ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนําไปสู่การทําประชามติและยุบสภา แบบนี้คนถึงจะเชื่อว่ารัฐบาลทําตามที่ตกลงไว้ และสามารถทําได้สําเร็จตาม MOA ที่เราไม่อาจทราบได้ว่าจะนําไปสู่การสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้จริงหรือไม่ แต่ทําให้เกิดรัฐบาลที่กุมอํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นรองแค่เพียงรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร และขาดเพียงมาตรา 44 เท่านั้น เท่ากับว่าแม้มีการเปลี่ยนรัฐบาลประชาชนก็ต้องอยู่กับระบอบสีน้ำเงินไปอีกนับ 10 ปี การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจาก MOA ด้วยวิธีแปลกประหลาดและพิสดารนี้เหมือนเป็นการชุบชีวิตพรรคสีน้ำเงินและฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้มีอาวุธครบมืออย่างเต็มรูปแบบ
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะทําให้ 4 เดือน ต่อจากนี้เป็น 4 เดือน แห่งการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและใช้ทุกองคาพยพที่มีของรัฐสภาติดตามตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลอย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่การตรวจสอบองค์ประชุม
นางสาวจิราพร ย้ำว่าส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้อยากอยู่เพียง 4 เดือน แต่จะอยู่ต่ออีก 4 ปี ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทําให้เห็นว่ารัฐบาลนี้สมควรที่จะเป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาลต่ออีก 4 ปีข้างหน้าหรือไม่
อย่างไรก็ดี นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นชี้แจงว่า หวังว่าวันนี้ระยะเวลาที่เหลือของแต่ละฝ่ายจะใช้อย่างคุ้มค่าเป็นประโยชน์และตรงประเด็นข้อมูลครบถ้วนไม่ใช่ครึ่งๆ กลาง ๆ ชี้นําให้คนเข้าใจผิด ซึ่งตนและเพื่อนสมาชิกเป็น สส. มานาน เชื่อว่าคงไม่มีการแทรกแซงไปมากกว่าชั้น 14.
ที่มา : สำนักข่าวไทย


อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พร้อม “ยุบสภา” พท.ส่งสรวงศ์-จิราพร คุยพรรคส้มบ่ายนี้ ทวี-เดชอิศม์ โผล่แจม
- นายกอนุทิน ยังไม่เคาะใช้บัตรเลือกตั้ง 4 ใบ พร้อมยกเลิก MOU 43-44
- รักชนก ออกลูกเดือด! ย้ำ อนุทิน ไม่ได้เลือกมาตั้งคนเฮงซวย-ตอดกินคุณภาพชีวิตประชาชน จนได้เป็นรมต.
ติดตาม The Thaiger บน Google News: