แพทย์เตือน “ออรัลเซ็กส์” เสี่ยงอันดับ 1 “มะเร็งลำคอ” พบป่วยสูงขึ้นจนน่ากังวล

แพทย์เตือน ออรัลเซ็กส์ ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 มะเร็งลำคอ พบในชาติตะวันตกสูงขึ้นจนน่ากังวล เกิดจากเชื้อ HPV ชนิดเดียวกับมะเร็งปากมดลูก ชี้คนมีคู่นอนผ่านออรัลเซ็กส์ 6 คนขึ้นไป เสี่ยงสูงกว่า 8.5 เท่า แนะการฉีดวัคซีน HPV ช่วยป้องกันได้ทั้งชายและหญิง
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา วงการแพทย์ในชาติตะวันตกได้พบกับแนวโน้มที่น่ากังวล คนป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วข ด้วยโรคมะเร็งในช่องปากและลำคอ (Oropharyngeal cancer) จนบางส่วนเรียกว่าเป็น “โรคระบาด” ปัจจุบันพบว่าสาเหตุหลักไม่ได้มาจากการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป แต่เป็นกิจกรรมทางเพศอย่าง “ออรัลเซ็กส์”
สาเหตุสำคัญของมะเร็งลำคอคือ เชื้อไวรัสฮิวแมนแปปิโลมา หรือ เอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง สถานการณ์ในปัจจุบันน่าเป็นห่วงถึงขั้นที่ว่า ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร พบผู้ป่วยมะเร็งในช่องปากและลำคอมากกว่าผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกแล้ว
เชื้อ HPV ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ สำหรับมะเร็งในช่องปากและลำคอ ปัจจัยเสี่ยงหลักคือ จำนวนคู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก (Oral Sex) ตลอดชีวิต โดยมีข้อมูลทางสถิติที่น่าสนใจระบุว่า ผู้ที่มีคู่นอนผ่านออรัลเซ็กส์ 6 คนขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งชนิดนี้ สูงกว่าคนที่ไม่มีถึง 8.5 เท่า
ทำไมบางคนติดเชื้อ HPV แล้วเป็นมะเร็ง?
แม้ว่าออรัลเซ็กส์จะเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป แต่มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบันคือ คนส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อ HPV ร่างกายจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดเชื้อออกไปได้เอง
แต่จะมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ อาจเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันในบางส่วนมีข้อบกพร่อง ทำให้เชื้อไวรัสสามารถแฝงตัวและเพิ่มจำนวนได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป เชื้อจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม (DNA) ของเซลล์ในร่างกาย และทำให้เซลล์เหล่านั้นกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
การฉีดวัคซีน HPV คือทางป้องกัน
เดิมทีการฉีดวัคซีน HPV มุ่งเน้นไปที่เด็กผู้หญิงเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก แต่ปัจจุบันมีหลักฐานมากขึ้นว่าวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ในช่องปากได้ด้วย
การฉีดวัคซีนในเด็กผู้หญิงให้ครอบคลุม (มากกว่า 85%) ยังช่วยสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ที่ทำให้เด็กผู้ชายมีความเสี่ยงลดลงไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา จึงขยายนโยบายการฉีดวัคซีน HPV ให้ครอบคลุมเด็กผู้ชายด้วย เพื่อเป็นการป้องกันโรคในระดับบุคคลและลดการแพร่กระจายของเชื้อในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ ทั้งจากกระแสการต่อต้านวัคซีน และการเข้าถึงที่ไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่ต้องให้ความสำคัญต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พระเอกรุ่นใหญ่ ช็อก ป่วยมะเร็งระยะที่ 4 เพราะออรัลเซ็กซ์ให้ผู้หญิง
- 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเชื่อ HIV ทำความเข้าใจ ไม่เป็นโรค
- HIV พุ่งปรี๊ด คนไทยติดเชื้อสะสม ‘ครึ่งล้าน’ ปี 68 ติดเพิ่ม 1.3 หมื่นคน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: