ข่าว

ดราม่า ไรเดอร์ขอลูกค้าแจ้งน้ำหนัก อ้างรถพัง บางคันขู่ 90-100 โล “กดยกเลิกอย่างเดียว”

มองมุมไหน หลังไรเดอร์โอด วอนแอปฯ เพิ่มช่องให้ลูกค้าแจ้งน้ำหนักตัว เหตุรับผู้โดยสารหนักมากๆ แล้วรถพัง อ้างโช๊ค ยาง เสียหายไปจนลูกปืนแตก บางคันถึงกับลั่น 90-100 โล กดยกเลิกอย่างเดียว

กำลังกวักมือเรียกดราม่าสนั่นลั่นทุ่ง ! อยู่ในเวลานี้ หลังจากที่เมื่อ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มเฟซบุ๊กคนขับรถผ่านแอปพลิเคชั่นได้มีไรเดอรรายหนึ่งเข้าไปเขียนข้อความสอบถามประเด็นว่า อยากให้ทางเจ้าของแอปฯ มีการเพิ่มช่องให้ลูกค้าแจ้งน้ำหนักตัวก่อนจะกดเรียกใช้บริการ ซึ่งต่อมาไม่นานบรรดาความเห็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งเห็นด้วยและตำหนิว่าเจ้าของคำถามนั้น แนวคิดเลอะเทอะไปไกล

“พี่ๆ คิดว่า XXXX ควรให้ลูกค้าใส่น้ำหนักตัวเองในแอพฯ เพื่อแบ่งแยกราคาระหว่างคนน้ำหนักตามมาตรฐาน กับน้ำหนักเกินมาตรฐานไหมครับ”

ต่อมาคอมเมนต์ท่านหนึ่งจัดหนักทันทีว่า “คำเดียวนะ เลอะเทอะ ! ถ้าเจอคนน้ำหนักเยอะจริงๆ ถ้าคิดว่ารถตัวเองไม่ไหวก็แค่ยกเลิกแค่นั้น ให้เหตุผลลูกค้าไปก็จบ เขาคงรู้ตัวเขาอยู่แล้ว วันนึงเจอไม่เกิน 3 คนหรอก เอาอะไรมาก ใครจะเรียกรถแล้วมานั่งใส่น้ำหนักตัวเอง บ้าชิบXXX 5555”

อย่างไรก็ดีมุมไรเดอร์ด้วยกันก็ยืนยันว่า เคสแบบนี้ราคางาน ไม่คุ้มราคาซ่อมรถ เช่น 2-3 ความเห็นที่อ้างว่า “รถผมยางแตกเพราะลูกค้า130โล แถมไม่รับผิดชอบอีกด้วย ทุกวันนี้เจอคนน้ำหนัก 90-100 ขึ้น ผมยกเลิกอย่างเดียวเลย”

“110โล+ ไม่รับ โช๊ค ยางง เสียหายมาก”

“ผมเคยเจอ หนัก 151 PCX 160 ผม หน้าลอยเลย หลังจากส่งเสร็จ ล้อหลังมีเสียงแอ๊ดๆ เอี๊ยดๆ เลยแวะเข้าศูนย์ สรุปลูกปืนแตก ลองคิดสภาพ ขนาดผม PCX มันควรรับน้ำหนักได้สบายๆ แต่หน้ารถผมยังลอย ลูกปืนยังแตก แล้วคนที่เขาขับรถคันเล็กๆ จะแบกไหวหรอครับ แล้วค่ารอบ 26 บาทนะครับ คิดเอา คุ้มกับค่าลูกปืนไหม 555”

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

“งานบริการครับเราต้องเตรียมใจเผื่อที่เจออะไรแบบนี้ไว้ด้วย”

“คนขับอ้วนล่ะ ลูกค้าเลือกได้ไหม”

หลังจากประเด็นถกเถียงลากยาวมาถึงตรงนี้ ต้องขออนุญาตสรุปให้ชัดๆ อีกทีว่าเรื่องการให้แอปฯ เปิดช่องทางแจ้งนำ้หนักของลูกค้าเวลาเดินทางคงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากโดยเฉพาะการออกแบบแพลตฟอร์มขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาตามที่ฝ่ายของคนวิ่งรถโอดควญจนเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กันเอิกเกริก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลของ Rocket Media Lab ช่วงอายุของคนที่ประกอบอาชีพไรเดอร์เยอะที่สุด อยู่ที่ 23-30 ปี โดยไรเดอร์ส่วนใหญ่รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน อาชีพเดิมก่อนจะมาเป็นไรเดอร์ ส่วนใหญ่คือรับจ้างทั่วไปและอดีตพนักงานบริษัทเอกชน และประกอบอาชีพนี้มานานกว่า 1 ปีแล้ว

และจากข้อมูลการประท้วงของไรเดอร์ ระหว่างปี 2562 – 2566 พบว่าจากการประท้วงทั้งหมด 113 ครั้ง เป็นการเรียกร้องประเด็นค่ารอบและค่าตอบแทนมากที่สุดถึง 93 ครั้ง โดยส่วนใหญ่นั้นมาจากประเด็นเรื่องค่ารอบที่ลดลง ดังนั้นเมื่อย้อนไปดูเหตุผลที่อยากให้เพิ่มกรณีลูกค้าแจ้งน้ำหนักตัวจึงดูเป็นอะไรที่เหลวไหลเสียมากกว่าจะเกิดขึ้นจริง

ภาพ @Facebook
ภาพ @Facebook
ภาพ @Facebook
ภาพ @Facebook

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button