ข่าวอาชญากรรม

ฟังเหตุผลแล้วอึ้ง ! 3 ชีวิต อ้างถูกหลอกทำงานกัมพูชา ก่อนว่ายน้ำข้ามคลองกลับไทย

ฟังเหตุผลแล้วอึ้ง ! อนุวัต จัดให้ เผยได้ยินเหตุผล 3 คนไทยอ้างถูกหลอกไปทำงานกัมพูชา ก่อนว่ายน้ำข้ามคลองกลับไทย ขออนุญาตใส่เครื่องหมายตกใจคำโต สอดคล้องข้อมูลตำรวจไซเบอร์ชี้หลังหยุดยิง คนไทยกลับไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากจริง

อีกหนึ่งปัญหาตามแนวชายแดนที่แม้ปัจจุบันเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาจะสงบลงแล้วก็ตาม แต่ขณะเดียวกันการลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฏหมายตามช่องทางธรรมชาติยังคเป็นงานหนักให้กับกองทัพไทยมาต่อเนื่องและทำท่าจะลุกลามหนักกว่าก่อนมีเหตุความไม่สงบเมื่อช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจ “อนุวัต จัดให้” โพสต์เนื้อหาบอกเล่าความรู้สึกที่ชวนขบคิด หลังจากวันนี้ (16/9/68) เจ้าตัวอ้างว่าได้ฟังเหตุผลของสามชาวไทยซึ่งอ้างว่า พวกเขาทั้งหมดนั้นถูกหลอกไปทำงานกัมพูชา ก่อรต้องตัดสินใจเอาชีวิตรอดด้วยการว่ายน้ำข้ามคลองกลับไทย

รายงานว่า “กองกำลังบูรพา” ได้ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศและชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 (ร้อย.ทพ.1304) พบการข้ามแดนผิดกฎหมาย เป็นคนไทย 3 คน กำลังว่ายน้ำข้ามคลองจากฝั่งกัมพูชามายังประเทศไทย ด้านหลังวัดโคกสะแบง ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

คนแรก นายรัตนชัย 19 ปี อ้างถูกชวนผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทน 22,000 บาท

รายต่อมา นางแพรวา อายุ 21 ปี อ้างถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินเพจ ค่าจ้าง 25,000 บาท

ส่วนคนที่ 3 ซึ่งเป็นรายสุดท้าย ได้แก่ นายกมลภพ อายุ 33 ปี ถูกล่อลวงให้ทำงานในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยอ้างรายได้ 25,000 บาท โดยทั้งสามรายให้การว่า เมื่อเดินทางไปถึงกัมพูชากลับพบงานที่ได้ไม่ตรงตามที่ตกลงไว้

อีกทั้งพวกเขายังอ้างว่าถูกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายจึงวางแผนหลบหนี ก่อนตัดสินใจลักลอบว่ายน้ำข้ามคลองกลับมายังฝั่งไทย

โพสต์ดังกล่าว ต่อมามีคนจำนวนมากโจมตีกลุ่มพี่น้องคนไทยด้วยหันที่บางรายลักลอบหนีแล้วต้องเหนื่อยหนักหนีกลับเข้าตามช่องทางธรรมชาติของบ้านเรานั้น ส่วนมากก็ไม่ใช่ว่าจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ข้อเท็จจริง คือ บางส่วนพลาดหลงเข้าไปทำเองแล้ว อาศัยช่องทางช่วงที่ปัญหาเปิดด่านกำลังระส่ำ พากันมุดเลาะรั้วชายแดนข้ามพรมอดนกันชนิดตร.ชายแดนต้องทำหน้าที่ไล่จับกุมไม่เว้นวัน

“ก็น่าจะเป็นคนพวกนี้ที่หลอกคนไทยกันเอง เห้อ… อยู่ยากจริงๆ”

“จับได้แล้ว ให้ทั้งหมด บอกตำแหน่ง ฝั่งตรงข้ามเพื่อออกหมายจับ และทลายแหล่งคอลเซ็นเตอร์”

“พวกนี้มันสมัครใจไปเอง” , “ตอนไปเต็มใจไปทุกคน ตอนกลับบอกโดนหลอกเป็นเหยื่อ” , “สรุปพวกมันก็มาหลอกทหารไทยเราน่าจะไปให้ตายอยู่ในนั้นในน้ำนั่นแหละ”

เท่านั้นไม่พอยังมีคนที่สงสัยว่า การไปไปถึงรังมิจฉาชีพนั้น หนีออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ? ซึ่งต่อมามีการอธิบายว่า สำหรับแก๊งคอลฯ จะมีกลุ่มโหดกับ “ไม่โหด” ตามที่เคยฟังข่าวมาพวกไม่โหดจะไม่สนใจ คือ ถ้าทำไม่ได้ปล่อยทิ้งเลยเพราะยิ่งเอามาทรมานยิ่งเสี่ยง

กับอีกพวกคือขายต่อไปเรื่อยๆ เลวร้ายสุดคือค้าอวัยวะ

“พอไม่ไหว อยากกลับบอกโดนหรอก”

“ควรจับติดคุก” , “จับขังหน่อยครับไอ้พวกนี้และสำคัญ”.

เมื่อมีการเจรจาหยุดยิงคนไทยหลายคนก็เปลี่ยนใจกลับไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก

คนไทยกลับไปทำงานแก๊งคอลเซ้นเตอร์หลังหยุดยิงไทยกัมพูชา
ภาพ @กรมประชาสัมพันธ์

เผย “คนไทยกลับไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์” หลังประกาศหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เมื่อ 17 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ตรวจสอบพบว่า เมื่อมีการเจรจาหยุดยิงคนไทยหลายคนก็เปลี่ยนใจกลับไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก โดยช่วงแรกที่มีเหตุปะทะมีการแจ้งความผ่านไทยโพลิสออนไลน์ลดลงเหลือ 800-900 เคส จาก 1,100 เคสไอดี

อย่างไรก็ตามหลังจากเจรจาหยุดยิงปรากฎ ตัวเลขกลับมาเพิ่มขึ้น ! ประมาณวันละ 1,000 เคสไอดี โดยทราบว่า หัวหน้าที่เป็นคนจีนสั่งให้มีการทำโอทีเพิ่ม ส่วนประเด็นที่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานปฏิบัติการลึกเข้าไปในปอยเปต ทางการไทยมีความพยายามยกระดับปฏิบัติการด้วยการใช้โลกล้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ จะดึงความร่วมมือกับประเทศที่ตกเป็นเหยื่อ หรือประเทศที่เห็นว่าการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรง เข้ามาร่วมในปฏิบัติการนี้

บิ๊กตำรวจประจำ “บช.สอท.” ยังบอกถึงที่ผ่านมา ตำรวจไทยเรามีการเชิญนักวิเคราะห์จากสิงคโปร์ซึ่งเปิดเผยว่า การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นการปราบปลาซิวปลาสร้อยไม่ถึงตัวหัวหน้าขบวนการ ซึ่งไทยเองเคยส่งข้อมูลเปิดเป็นจุดที่ตั้งใหญ่ของแก็งต่างๆ ออกไป แต่จุดเหล่านั้นไม่เคยถูกกวาดล้าง ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงแค่การจับกุมบ้างเล็กน้อยจึงอยากขอความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจจากทางกัมพูชาในการกวาดล้างด้วย.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button