ข่าวการเมือง

ศาลพิพากษาแก้โทษ “แฟรงค์” พร้อมพวกบุกชิงตัว “เพนกวิน” จำคุก 2 ปี

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ตัว แฟรงค์ วีโว พร้อมพวกบุกชิงตัว เพนกวิน พริษฐ์ เป็นจำคุก 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ 420/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ นักเคลื่อนไหวกลุ่มวีโว่ , นายธวัช สุขประเสริฐ, นายศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี, นายสมคิด โตสอย และนายฉลวย เอกศักดิ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่พยายามช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังให้พ้นจากการควบคุม

สืบเนื่องจากจำเลย กับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ แล้วเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำกลุ่มผู้ประท้วงกับพวก ที่อยู่ในรถผู้ต้องขังระหว่างถูกนำตัวไป สน.ประชาชื่น หลังถูกอายัดตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันนำไม้มากั้นปิดขวางทางออกบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบและรบกวนการครอบครองการใช้การผ่านเข้าออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ต่อมาผู้เสียหายทั้ง 4 ได้ควบคุมตัวนายพริษฐ์ และนายภานุพงศ์ ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังพื่อนำไปส่งที่ สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อรอให้สถานีตำรวจที่อายัดตัวมารับไปดำเนินคดีต่อไป

เมื่อรถควบคุมผู้ต้องขังขับบนถนนงามวงศ์วาน มาถึงด้านหน้าตลาดพงษ์เพชรและได้จอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงอยู่ ต่อมาจำเลยทั้ง 5 ได้ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันนำรถจักรยานยนต์หลายคันไปล้อมการเดินทางของรถควบคุมผู้ต้องขัง ทำให้รถเคลื่อนไปต่อไม่ได้

และใช้หมวดกนิรภัยและวัสดุแข็งเป็นอาวุธ ทุบรถควบคุมผู้ต้องขัง, ได้ใช้เท้าเตะรถควบคุมผู้ต้องขังและได้ใช้ของแข็งตีที่กระจกหน้าต่างห้องควบคุมผู้ต้องหาด้านซ้ายและด้านหลังจนแตก พร้อมกับตะโกนว่า ปล่อยเพื่อนกู

การกระทำของจำเลยทั้ง 5 กับพวกดังกล่าวทำให้เกิดการชุลมุนวุ่นวายบนถนนงามวงศ์วานและสี่แยกพงษ์เพชร ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินผู้เสียหายทั้งสี่ ประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณดังกล่าว เป็นการกระทำโดยเจตนาด้วยประการใดให้นายพริษฐ์ และนายภาณุพงศ์ หลุดพ้นจากการคุมขังโดยใช้กำลังประทุษร้าย

ทั้งนี้ โดยจำเลยทั้งห้ากับพวก ได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 4 ไม่ยอมปล่อยนายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ จำเลยทั้งห้ากับพวกไม่สามารถเปิดประตูรถได้ จึงทำให้นายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ ไม่หลุดจากการคุมขัง

ต่อมาจำเลยทั้ง 5 ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทุ่มใส่รถควบคุมผู้ต้องขังหลายครั้งจนกระจกด้านซ้ายแตก ทำให้หนึ่งในผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่ด้านหลังมือขวา และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

รายละเอียดปรากฎตามรายงานการชันสูตรผู้ป่วยคดี เพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เสียหายทั้ง 4 พาตัวนายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ไปยัง สน.ประชาชื่นได้สำเร็จ

ต่อมาจำเลยทั้งห้ากับพวกที่หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดี ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่สิบคนขึ้นไปได้บังอาจร่วมกันมั่วสุมโดยชุมนุมสาธารณะบริเวณสน.ประชาชื่น อันเป็นที่สาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ โดยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปและบุคคลอื่นสามารถร่วมชุมนุมนั้นได้

ในการชุมนุมดังกล่าว จำเลยทั้งห้ากับพวกต้องดำเนินการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตามตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2548 มาตรา 6, 10 คือ การชุมนุมสาธารณะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ และจะต้องมีการแจ้งการชุมนุมสาธารณะ อีกทั้งตามมาตรา 16 ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องไม่บุกรุก และสร้างความเสียหาย โดยการชุมนุมดังกล่าวจำเลยทั้ง 5 ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ชกต่อยร่างกาย ผู้เสียหายทั้ง 4 จนได้รับบาดเจ็บ

การกระทำของจำเลยทั้ง 5 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท

ฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ กับฐานร่วมกันพยายามให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจของพนักงานสอบสวนหลุดพ้นจากการคุมขังไป เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฎิบัติตามหน้าที่ จำคุกคนละ 2 ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่จำคุกคนละ 2 ปีปรับคนละ 20,000 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 4 ปี 6 เดือนปรับคนละ 50,000 บาท

จำเลยทั้งห้า ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ศาลชั้นต้นจึงลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้ง 5 คนละ 2 ปี 3 เดือน ปรับคนละ 25,000 บาท

พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งห้าแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งห้าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้จำเลยทั้งห้าไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ3 ครั้งภายใน 1 ปีให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งห้าเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ทางอัยการยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น เห็นควรปรับบทลงโทษเสียใหม่ให้ถูกต้อง เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งห้า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ข้อหาร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ โดยประทุษร้าย และข้อหาร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประเทศร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 วรรคแรก,วรรค 3 ประกอบมาตรา 80,83 และมาตรา 358 ประกอบมาตรา 83

พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้า ฐานร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานฯ คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท และฐานร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ โดยประทุษร้าย ลงโทษจำคุก คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท รวมโทษจำคุก คนละ 4 ปี ปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

คงจำคุกจำเลย คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี และยกฟ้องข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ จำเลยทั้ง 5 คน ได้ชำระค่าปรับ จำนวนคนละ 20,000 บาท จากนั้นจึงพากันเดินทางกลับทันที

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button