จับตา 1 ก.ค. ชี้ชะตา “นายกอิ๊งค์” เผยถ้าโดนสั่งหยุดปฏิบัติงาน ทำงานต่อไม่ได้

จับตา 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา “นายกอิ๊งค์” สมชาย แสวงการ เผยถ้าโดนสั่งหยุดปฏิบัติงาน ทำงานต่อแบบประยุทธ์ไม่ได้
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(อดีตสว.) แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าจะรับคำร้องและสั่งให้หยุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 ก.ค. หรือไม่นั้น โดยนายสมชายระบุว่า “หากในวันที่1 ก.ค. นี้ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยทีมกฎหมายที่เสนอให้นางสาวแพทองธาร ไปนั่งควบเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม เพื่อหวังจะเดินตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยสั่งให้พลเอกประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังสามารถทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมได้ นั้น จึงเป็นไปไม่ได้ แถมอาจเสี่ยงที่แพทองธารอาจถูกร้องคดีซ้ำรอยเศรษฐาด้วย
โดยส่วนตัวมีความเห็นว่า ถ้านางสาวแพทองธารถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย่อมไม่อาจให้ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรมหรือรัฐมนตรีอื่นใดได้เช่นกัน และการให้แพทองธาร นั่งเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม ขณะโดนร้องเรื่องจริยธรรมนั้น อาจมีผู้ไปร้องให้พ้นจากตำแหน่งตามรอยนายเศรษฐาอีกคดีในวันหน้า
ด้วยเหตุดังนี้
1) กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นการขอให้ตีความว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์สิ้นสุดลงเฉพาะตำแหน่ง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ว่า พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ครบ 8 ปี แล้วหรือไม่ โดยตามมาตรา158 ที่เป็นกฎหมายเฉพาะที่กำหนดลักษณะต้องห้ามวาระการดำรงตำแหน่งเฉพาะนายกรัฐมนตรีเท่านั้น พลเอกประยุทธจึงถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนเพื่อรอคำวินิจฉัยเรื่องเวลา8ปี เฉพาะการทำหน้าที่ในตำแหน่งเฉพาะนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยคุณสมบัติอื่น พลเอกประยุทธจึง ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมต่อไปได้
แตกต่างจากกรณีนางสาว แพทองธาร ชินวัตร ว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ ด้วยคำร้องว่า ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา160(4)(5) ว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในเรื่องคลิปหลุดการพูดคุยทางโทรศัพท์ กับนาย ฮุนเซนผู้นำกัมพูชา ที่สงสัยว่า เป็นการกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง กระทบต่อเกียรติภูมิ ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 หรืออาจส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรฯลฯ
ดังนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาและมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน นางสาวแพทองธาร จึงต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไปด้วยพร้อมกัน ทีมกฎหมายไม่อาจตะแบงตีความให้เป็นเช่นเดียวกับคดีที่ศาลสั่งให้พลเอกประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ก่อน แต่ทำหน้าที่รัฐมนตรีได้
2)ข้อเสนอที่ให้นางสาวแพทองธาร นั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรมด้วยนั้น อาจมีผู้เห็นต่างและอาจส่งผลร้ายในวันหน้าได้ ด้วยเหตุ นางสาวแพทองธาร ถูกร้องเรื่องไม่สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อเสนอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรี และในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับสนอง พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ย่อมทราบดีว่า ไม่สามารถนำรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น จะต้องตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบครบถ้วน
ถ้าการปรับครม.นั้น นางสาวแพทองธารได้เสนอชื่อตนเองเป็นรัฐมนตรี ระหว่างที่กำลังถูกพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงวันหน้า อาจมีผู้ไปยื่นต่อศาลให้วินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งซ้ำรอยแบบคดีที่ผมยื่นร้องคดีให้นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วก็เป็นได้ แม้กรณีนี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่แน่หมายความว่าจะไม่มีนะครับ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภูมิใจไทย เปิด 3 ทาง ประเทศไปไหน ไฟเขียวนายกลาออก ค้านรัฐประหาร
- “นายกอิ๊งค์” คุย “มาครง” กระชับความสัมพันธ์ ย้ำบทบาทปราบมิจฉาชีพ
- ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8:1 ตีตกคำร้อง ปม “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
ติดตาม The Thaiger บน Google News: