หมอเจด แนะ 5 วิธีเลี่ยง “มะเร็งปอด” เตือนภัยร้ายใกล้ตัวกว่าที่คิด

“หมอเจด” แนะ 5 วิธีเลี่ยง “มะเร็งปอด” ยกเคส “เอ๋ พรทิพย์” เป็นกรณีศึกษา เตือนภัยร้ายใกล้ตัวกว่าที่คิด ชี้ ฝุ่น PM2.5 – ควันทำอาหาร อันตรายไม่แพ้บุหรี่
หลังจากกลายเป็นข่าวใหญ่ของวงการบันเทิง เมื่อป๋อ ณัฐวุฒิ ออกมาแจ้งข่าวร้ายว่า เอ๋ พรทิพย์ ป่วยเป็น “มะเร็งปอด” ระยะที่ 1 แต่เนื่องจากตรวจเจอเร็ว ทำให้การรักษาดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาได้ตรวจเชื้ออีกครั้งหลังจากผ่าตัดนำเนื้อร้ายออกมาแล้ว ผลออกมาว่า “ไม่พบเชื้อมะเร็งลุกลามไปในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย” และอนุญาตให้ เอ๋ พรทิพย์ กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว แต่ยังต้องกลับมาตรวจเช็กอยู่เรื่อย ๆ เป็นระยะเวลา 5 ปี
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เอ๋ พรทิพย์ ได้ออกมาเปิดใจว่า อยากให้เคสการตรวจเจอมะเร็งอย่างกะทันหันของเธอในครั้งนี้เป็นที่เตือนใจให้กับทุก ๆ คนในการตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจเช็กสุขภาพร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด 5 มิ.ย. 68 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับ วิธีการลดความเสี่ยงมะเร็งปอด ผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด เพียงทำได้ตาม 5 ข้อนี้ก็เลี่ยงโรคมะเร็งปอดได้แล้ว โดยคุณหมอระบุข้อความว่า
“ไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ทำ 5 อย่างนี้!
มะเร็งปอด เป็นหนึ่งในโรคที่แอบร้ายที่สุดเลยครับ เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าเป็น ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระยะท้าย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนั้นมันก็รักษายากมากขึ้นไปอีก ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นคนอายุน้อยเป็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนไม่เคยสูบบุหรี่ด้วยซ้ำ ตรวจสุขภาพทุกปีก็แล้ว แต่สุดท้ายก็มาเจอตอนที่เริ่มมีอาการไปแล้ว เลยอยากชวนคุยวันนี้ครับว่า ถ้าเราอยากลดความเสี่ยงมะเร็งปอด ต้องทำยังไงบ้าง บอกเลยว่าไม่ยาก และทำได้จริงทุกข้อ”
1. เลิกบุหรี่ หรือถ้ายังไม่เคยเริ่ม ก็อย่าเริ่มเลย
ข้อนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า “บุหรี่” คือสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งปอด ในควันบุหรี่มีสารพิษสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่ร้ายมาก เช่น Benzopyrene, Nitrosamines, Formaldehyde, สารหนู ฯลฯ พวกนี้มันเข้าไปทำลาย DNA ในเซลล์ปอด ทำให้กลายพันธุ์ แล้วก็กลายเป็นมะเร็งในที่สุด ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่คนสูบเท่านั้นที่เสี่ยง คนรอบข้างที่ต้องสูด “ควันบุหรี่มือสอง” ก็โดนไปเต็ม ๆ เหมือนกันครับ ถ้าอยากลดความเสี่ยง
– เลิกสูบให้เร็วที่สุด
– หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนสูบบุหรี่
– ถ้าคนใกล้ตัวสูบ ลองคุยกับเขาดี ๆ ด้วยความห่วงใย ไม่ใช่การต่อว่า
2. อยู่ให้ห่างจาก ฝุ่นจิ๋ว PM2.5
ไม่ต้องสูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ครับ หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนเจอทุกวันก็คือ “ฝุ่น PM2.5” เจ้าฝุ่นจิ๋วนี้มันเล็กมาก ขนาดเล็กกว่าเส้นผมประมาณ 20-30 เท่า และมันเล็กพอที่จะ “ทะลุลึกเข้าไปถึงถุงลมในปอด” ได้เลย พอเข้าไปแล้ว มันไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังในปอด ถ้าเจอบ่อย ๆ ปอดก็จะค่อย ๆ เสื่อม แล้วมีโอกาสที่เซลล์จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้
ทำยังไงดีในวันที่อากาศไม่ดี?
– ก่อนออกจากบ้าน ลองเช็กค่าฝุ่นผ่านแอปอย่าง AirVisual หรือ AQI Thailand
– ถ้าฝุ่นขึ้นสูง อยู่อยู่ในบ้านจะปลอดภัยกว่า
– ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ใช้หน้ากาก N95 หรือ KF94
– มีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้ในห้องนอนยิ่งดีครับ
3. ระวัง “ควันจากการทำอาหาร” โดยเฉพาะในพื้นที่ปิด
หลายคนมองข้ามเรื่องนี้นะ “การผัด ๆ ทอด ๆ ในครัวบ้านเรา” ก็มีผลกับมะเร็งปอดได้เหมือนกัน จริง ๆ แล้วควันจากการทำอาหาร โดยเฉพาะพวกทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ หรือใช้อุณหภูมิสูงจัด ๆ เช่น การผัดกระทะเหล็ก ไฟแรง ๆ จะทำให้เกิดสาร VOCs (สารอินทรีย์ระเหยง่าย) และ PAHs (สารไฮโดรคาร์บอนจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์)
สารเหล่านี้ก็เป็น “สารก่อมะเร็ง” ที่สามารถสะสมในร่างกายได้เหมือนกัน แนะนำว่า
– ถ้าทำอาหารที่บ้าน ควรเปิดเครื่องดูดควันทุกครั้ง
– หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
– ลดการใช้น้ำมันมาก ๆ หันมานึ่ง ต้ม อบ แทน
– เลี่ยงการทอดน้ำมันซ้ำหลายรอบ
4. ตรวจคัดกรองถ้ามีประวัติครอบครัว หรือความเสี่ยง
มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการอะไรเลยครับ คนไข้ที่เจอมักจะรู้เมื่อมีอาการ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจหอบ เจ็บหน้าอก ซึ่งบางทีก็ช้าเกินไปแล้ว การ
ไตรวจคัดกรอง” จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่อาจช่วยให้เจอโรคไวขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
– สูบบุหรี่จัดมานาน
– เคยทำงานในโรงงานที่มีแร่ใยหิน (asbestos)
– มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปอด
– คนที่เจอมลพิษทางอากาศทุกวัน จากทั้งการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรม
– อายุมากกว่า 50 ปี และมีโรคประจำตัวบางอย่าง
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดี คือ “Low-dose CT scan” เป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ให้ภาพละเอียด โดยใช้รังสีในระดับต่ำ ทำให้ปลอดภัยกว่าการสแกนแบบทั่วไป ใครที่เข้ามีความเสี่ยง ควรปรึกษาหมอและไปตรวจนะ อย่ารอให้มีอาการแล้วค่อยมาตรวจนะครับ
5. บำรุงปอดให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เลี่ยงของไม่ดี แต่เรายังเสริมเกราะให้ร่างกายได้ด้วย คือทำให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานดีอยู่เสมอ เพราะภูมิคุ้มกันก็เป็นตัวสำคัญในการสู้กับเซลล์ผิดปกติ ดูแลร่างกายแบบง่าย ๆ ได้เลยครับ
– ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 วัน จะเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ก็ได้หมด
– กินอาหารดี ๆ โดยเฉพาะผักผลไม้หลากสี จะได้สารต้านอนุมูลอิสระไปช่วยป้องกันเซลล์กลายพันธุ์
– นอนให้พอ อย่านอนดึกเรื้อรัง
– ลดหวาน แอลกอฮอล์ และของทอดให้น้อยที่สุด
ยิ่งเราดูแลปอดให้แข็งแรง ภูมิคุ้มกันดี ก็จะลดความเสี่ยงได้นะ
ฝากด้วยนะครับไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ต้องเริ่มจากดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของบุหรี่ แต่ยังมีปัจจัยแฝงอีกหลายอย่างที่เราควรระวัง ผมเข้าใจว่ามะเร็งปอดเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายคน แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่เฉพาะคนที่สูบบุหรี่เท่านั้นที่จะเป็นได้
ถ้ามีอาการแบบนี้
– ไอเรื้อรังเกิน 2-3 สัปดาห์
– ไอเป็นเลือด
– หายใจลำบาก
– เจ็บหน้าอกไม่ทราบสาเหตุ
– น้ำหนักลดลงผิดปกติ
– ต้องรีบไปตรวจนะ
ลองทำตามที่ผมบอกนะ จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้ ใครมีคำถามคอมเมต์ได้เลยนะครับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รู้ทัน สัญญาณเตือน ‘มะเร็งปอด’ เช็กอาการเบื้องต้น เป็นแบบนี้ รีบหาหมอก่อนสาย
- หมอมานพ ชี้เคส “เอ๋ พรทิพย์” ป่วยมะเร็งปอด สัมพันธ์กับสูดดม PM 2.5
- ย้อนอาการ เอ๋ พรทิพย์ ปัสสาวะเป็นเลือด ก่อนตรวจพบมะเร็งปอด
อ้างอิงจาก : FB หมอเจด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: