นักเตะดัง แมนยู เสียชีวิต หลังต่อสู้โรคมะเร็งรอบที่ 3
โจ ธอมป์สัน อดีตแข้งแมนยู เสียชีวิตในวัย 36 ปี หลังต่อสู้มะเร็งรอบที่ 3 สโมสรดังร่วมอาลัย

วงการลูกหนังอังกฤษสูญเสียนักเตะคนสำคัญให้กับโรคมะเร็งร้า่ย โจ ธอมป์สัน (Joe Thompson) อดีตนักเตะเยาวชนของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตำนานสโมสรโรชเดล เสียชีวิตอย่างสงบในวัยเพียง 36 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งชนิดลิมโฟมา ระยะที่ 4 เป็นครั้งที่สามในชีวิต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์แสดงความอาลัย พร้อมยกย่องว่า “โจเป็นบุคคลที่สะท้อนคุณค่าของสโมสรได้อย่างแท้จริง” อดีตแข้งผู้นี้เติบโตจากอะคาเดมีของปีศาจแดง มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ก่อตั้งโครงการ ‘United Once, United Forever’ เพื่อดูแลอดีตนักเตะอะคาเดมีที่อำลาสโมสร
หลังเลิกเล่นฟุตบอล ธอมป์สันทำงานเป็นนักวิเคราะห์เกมทาง MUTV และยังเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งยังเคยระดมทุนกว่า 20,000 ปอนด์จากกิจกรรมเดินการกุศล “Walk with me for JT” เพื่อช่วยเหลือคนที่ป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต
โจเคยต่อสู้กับมะเร็งฮอดจ์กิน ลิมโฟมา (Hodgkin lymphoma) ครั้งแรกในปี 2013 จนหายดี ก่อนมะเร็งกลับมาในปี 2017 ซึ่งเขาก็เอาชนะได้อีกครั้ง และประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2019
ผลงานที่ถูกจารึกไว้ในใจแฟนบอลเกิดขึ้นในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2017/18 เมื่อเขายิงประตูชัยให้โรชเดลชนะชรูว์สบิวรี 1-0 ส่งทีมรอดพ้นจากการตกชั้นสู่ลีกทูอย่างหวุดหวิด
สโมสรโรชเดลโพสต์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ระบุว่า “เรารู้จักโจในฐานะนักฟุตบอลที่เปี่ยมพรสวรรค์ แต่ต่อมาเรากลับหลงรักในบุคลิกที่อบอุ่นและจิตใจที่เข้มแข็งของเขา” พร้อมยืนยันว่าทีมจะสวมปลอกแขนดำในเกมวันศุกร์ และมีพิธีรำลึกในเกมเหย้าวันจันทร์หน้า
ครอบครัวของโจ ธอมป์สัน ออกแถลงการณ์สุดสะเทือนใจว่า
“โจผู้กล้าหาญของเรา ได้จากไปอย่างสงบในช่วงเช้ามืดวันพฤหัสฯ โดยมีครอบครัวล้อมรอบในสถานที่อันเงียบสงบตามที่เขาปรารถนา
เขาเป็นสามี พ่อ ลูกชาย และเพื่อนที่ไม่อาจหาใครมาแทนได้ พลังแห่งความรักและกำลังใจของเขาจะคงอยู่กับเราตลอดไป เราภูมิใจในตัวเขาที่ต่อสู้กับโรคร้ายด้วยพลังที่ไม่ธรรมดา เดินเส้นทางชีวิตด้วยศรัทธา และยังคงเป็นที่พึ่งพิงของผู้อื่นจนถึงวินาทีสุดท้าย
โจต้องการให้จัดพิธีศพแบบเปิดสำหรับทุกคนที่เขาเคยมีอิทธิพลต่อชีวิต หากทราบวันเวลาแน่ชัด ครอบครัวจะประกาศผ่านโซเชียลมีเดียของเขา
เราขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตนี้…ตลอดไปในความทรงจำ ”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้ำตาซึม “หนูอยากตาย” สาวสู้มะเร็งระยะสุดท้ายป่วยซ้ำ ไม่มีเงินรักษา ฝากญาติไปช่วยดูแม่แท
- เตือนจริงนะ รีบโละ 4 พลาสติกอันตรายในบ้าน ก่อน “มะเร็ง” มาเคาะประต
- แข้งดังบุรีรัมย์ โพสต์แนะ 3 สิ่งที่คนญี่ปุ่นควรรู้ก่อนมาไทย โดยเฉพาะแท็กซี่ จี้เข้าเป้าทุกดอก