ดูหน้าชัดๆ ผู้กองปอยเปต หลอกชาล็อต 4 ล้าน ใครคิดคอนเทนต์ เหยื่อ 163 เคส
บก.ปอท. พาตัว ผู้กองเก๊ กองร้อยปอยเปต หลอก ชาล็อต โอนเงิน 4 ล้าน แถลงความเสียหาย วิดีโอคอลแต่งชุดตำรวจปลอมที่ก่อนหน้านี้เป็นข่าวรวมดาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งตราดีเอสไอปลอมจนดาราสาวหลงเชื่อ อ้างทำงานข้ามกลับมาได้ 4 หมื่น ที่เหลือเล่นพพนันเกลี้ง! ปัดรู้เรื่องทรมานเหยื่อ พล.ต.ท.จิรภพ ย้ำดำเนินการทุกข้อหาเต็มรูปแบบ 163 เคส เร่งรัดสืบสวนต่อเนื่องกระทั่งขอหมายศาลจับผู้ต้องหา 2 ราย
จากกรณี ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบ 2 ผู้ต้องหา “แก๊งกองร้อยปอยเปต” หลังทำเนียนสวมเครื่องแบบตำรวจวิดีโอคอล หลอกเหยื่อโอนเงินมูลค่าหลายล้านบาท โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (3 ก.พ.68) ได้มีการพาตัวหนึ่งในผู้ต้องหามาแถลงข่าว โดย พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขบวนการนี้จะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
- สายเริ่มโทรติดต่อแจ้งเหยื่อพัวพันสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ “การฟอกเงิน”
- สายโทรปลอบ-กระชับความสัมพันธ์
- สายกำชับให้โอนเงิน
โดยผู้ต้องหารายนี้ นายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ซึ่งสารภาพเป็นหนึ่งในขบวนการที่ไปหลอกลวง ชาล็อต ออสติน ดาราสาวจนเป็นข่าวสูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาถูกเช็กประวัติแล้วมีการแจ้งความ 163 ครั้ง ที่เจอในระบบ และตร.เชื่อว่ายังมีมากกว่านี้ที่ยังไม่ได้แจ้งความ
นอกจากนี้ยังได้จับผู้ต้องหาอีกราย คือ นายรามิล อายุ 31 ปี โดยสามารถจับกุมตัวได้เมื่อ 2 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ต่อมาในการแถลงข่าว พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวถึงผู้ต้องหารายนี้หลังจากได้พูดคุยเพื่อขยายผล เจ้าตัวสารภาพเริ่มเข้าไปเป็นหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ ก.ค.2566 จนถึงประมาณวันที่ 20 กว่าๆ ของเดือนม.ค.68 ที่ผ่านมา ฐานปฏิบัติการเป็น “ตึก 18 ชั้น” แอดมินคอยควบคุมระบบซิมบอกซ์ พอโทรหาเหยื่อสายหนึ่งจะโทรข่มขู่ฟอกเงิน-ขู่ตางๆ นานจนเหยื่อหลงเชื่อ
จากนั้นมิจฉาชีพสายที่หนึ่งจะโอนไปสายที่สองเพื่อวิดีโอคอล โดยสายสองจะแต่งตัวเหมือนตำรวจ จากนั้นสาย 3 ซึ่งก็จะแต่งเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อทำการปิดดีล นอกจากนี้ยังมีสายปลอบ ซึ่งจะติดต่อหาเหยื่ออกีกเที่ยวหลังโอนเงินไปแล้ว โดยอ้างว่าเงินโอนไปได้คืนแน่นอน เพื่อจะหลอกต่อให้โอนครั้งที่ 2-3 ทำแบบนี้ไปปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีชาวกัมพูชา-ชาวจีนจัดหาเอไอปลอมหน้า มีล่ามชาวไทยที่พูดภาษาจีนได้ มีคนคิดสคริปต์ มีฝ่ายการเงินจัดหาบัญชีม้า แปลงทรัพย์สินจากเงินสดเป็นดิจิตอล
ธนาวุฒิ วัย 28 ปี ผู้ต้องหาระบุ ตนเองทำงานที่ชั้น 13 ชั้น 1 หลังจากหนีออกมาได้เงินกลับมา 40,000 บาท ก่อนหน้านี้มีรายได้จำนวนหนึ่งแต่เอาไปเล่นพนันหมด แต่ละห้องจะเป็นห้องยาวๆ พื้นที่เหมือนโรงแรมทั่วไป ส่วนที่ทำงานมีประมาณ 10 ห้อง ห้องละกว่า 10 คน เบ็ดเสร็จทั้งชั้นสิบสามนี้คนอยู่ประมาณกว่า 50 ราย
เมื่อถามว่าเคยเจอกับระดับบอสที่เป็นหัวหน้าใหญ่หรือไม่ ผู้ต้องหาบอกแค่ว่า เคยเจอบอสจีนเทา 4-5 คน แต่เจอไม่นาน มาแป๊ปๆ แล้วก็ไป เรียกว่าบอสอย่างเดียวไม่มีชื่อ จะไม่กล้ายุ่งด้วย คนที่ควบคุมจะเป็นล่ามของพวกบอสอีกที ซึ่งจะคอยเตือนคนทำผิดหรือคิดจะแอบหนี
ส่วนการแต่งชุดตำรวจใครคิดคอนเทนต์นั้น ผู้กองเก๊อ้างต่อหน้านักข่าวว่า “บอส” เป็นคนหามา แล้วคอยสั่งให้ใครมีหน้าที่แต่งตามที่บอก
ขั้นตอนมีเท่านี้ที่เหลือมี “เอไอ (AI)” ให้ ส่วนคนในกลุ่มที่มีสิทธิใส่ชุดตำรวจ จะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับสาย 2-3 ขึ้นไปเพราะต้องวิดีโอคอลกับเหยื่อแบบเห็นภาพ โดยนอกจากชุดตำรวจแล้วยังมีมีชุดของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ (DSI) ด้วย
ช่วงหนึ่งนักข่าวถามว่า ตองมีคุณสมบัติพิเศษอะไรหรือไม่ ? ถึงเข้ามาทำหน้าที่นี้ได้ ซึ่งผู้ต้องหาตอบกลับมาว่าถ้าพูดชัดเจนก็ทำได้ เพราะในการฝึกจะมีสคริปต์ให้
เมื่อถูกให้ลองพูดประโยคที่หลอกลวงเหยื่อ อีกฝ่ายก็เริ่มกล่าวทำนอง “ผมร้อยเวร.. คุณต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไรไหม! ถ้าต้องการช่วยเหลือก็ใหทำตามที่ผมแจ้ง” จากนั้นจะอ้างชื่อของสภ.เมืองชัยภูมิ โดยคนร้ายยืนยันเองว่าสคริปต์เดียวอยู่ได้นานมาก เช่น สภ.เมืองชัยภูมิที่ผู้กองเก๊ปอยเปตระบุ ใช้โรงพักนี้อ้างกับเหยื่อเพียงแห่งเดียวมาตลอด 163 เคสที่แจ้งร้องเรียนอยู่ในระบบ.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ชาล็อต ออสติน ถูกหลอกโอนเงิน 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชม. ค่ายเข้าช่วยเหลือแล้ว
- สืบนครบาลสุดทน เปิดหน้าผู้กองเก๊ ตุ๋นคนไทย ลั่นกลับมาเจอหมายจับแน่
- ระวัง 11 กลลวง ข่าวปลอม แก๊งมิจฉาชีพ-คอลเซ็นเตอร์ ใช้หลอกเหยื่อ