เปิดร้านขายอาหารสัตว์ดีไหม ไปฟังจากปากเจ้าของธุรกิจ Pet shop ร้านขายอาหารแมวและสุนัขมาเล่าเอง ฝากถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เตรียมเข้ามาสู้ในตลาดที่ว่าบูม สิ่งที่คุณไม่รู้เลยคือ ราคาส่ง หากไม่ลองมาเปิดร้าน
กำลังเป็นกระทู้เลอค่าที่มุมผู้ประกอบการอยากลงทุนในธุรกิจร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงหรือ Pet Shop อาณาจักรของคนรักสัตว์ยุคใหม่ควรต้องทราบไว้ ก่อนตัดสินใจเข้ามาโลดแล่นในวงการนี้ที่ปัจจบุันมีผู้เล่นหรือนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาผัดเปลี่ยนโฉมหน้ากันไม่ขาด โดยส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดจากกระแส ตลาดสัตว์เลี้ยงที่บูมไม่หยุดจากกผลสำรวจคาดการณ์ต่างๆ ซึ่งบางรายงานก็อาจเป็นแค่ฉากหน้าสวยหรูเคลือบไว้ภายใต้ความจริงอันโหดร้ายของคำว่าตัวเลขและ”ธุรกิจ”
อ้างอิงข้อมูลจากสมาชิกหมายเลข 3916959 ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องในกระทู้พันทิป (pantip.com) ซึ่งเปิดเผยประสบการณ์เปิดร้าน Pet Shop ขายอาหารหมา-อาหารแมว โดยก่อนลงเงินได้ศึกษาข้อมูลตัวเลขต่างๆ ซึ่งบอกว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโต คนแก่ขึ้นเรื่อยๆ คนโสดมากขึ้นก็จะเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนแก้เหงา พอเห็นโอกาสเติบโตจึงลองลงทุน ไหนๆ ก็ตกงานอยู่พอดี ตัดสินใจเปิดร้านที่บ้านของตัวเองเพราะทำเลดีอยู่แล้ว แถมยังไม่ต้องเสียค่าเช่าด้วย
เจ้าของเรื่องอธิบายโดยแบ่งขั้นตอนเป็น 2 ส่วน คือฝั่งซื้อเข้ามากับตอนที่ขายออกไป โดยในส่วนของฝั่งซื้อ ร้านสามารถรับสินค้ามาขายได้จาก 2 แหล่งด้วยกัน คือ
- ร้านขายส่ง
- สั่งจากแบรนด์สินค้าโดยตรง
“เรื่องซื้อ” เจ้าของบอกว่าไม่ยาก แค่มีเงินก็ขายให้ แต่ซื้อที่ไหน-สต็อคเท่าไร ? อันนี้ต้องคิดเยอะๆ
ก่อนจะยกตัวอย่างความบันเทิงของแต่ละแหล่งซัพพลายเออร์ เช่น ถ้าซื้อจากแบรนด์โดยตรงแต่ละแบรนด์จะมีเงื่อนไขการขายไม่เหมือนกัน สมมติแบรนด์หนึ่งจะมียอดกำหนด ซื้อเยอะ ลดเยอะ ซื้อน้อย ลดน้อย ต้นทุนสินค้าก็ขยับไปตามยอดสั่ง จุดนี้เหมือนกระดุมเม็ดแรกติดผิดถือว่าพลาดมหันต์เพราะเมื่อได้ทุนมาสูงจะขายยากมาก
ถ้าซื้อน้อย แต่อยากได้ส่วนลดเยอะ แก้ปัญหาอย่างไง?คำตอบคือไปซื้อร้านขายส่ง
เจ้าของเรื่องเล่าต่อว่าส่วนมากร้านขายส่งจะสั่งสต็อคมาเยอะมาก บางร้านได้ส่วนลดพิเศษอีก เช่นบางแบรนด์บอกผมว่าลดได้เยอะสุด 20% สั่งหมดโกดังก็ได้แค่นี้ แต่ไม่ใช่สำหรับร้านขายส่ง มันมีส่วนลดพิเศษ ลดจากไหนอันนี้ไม่ทราบ
สมมติว่าสั่งจากแบรนด์โดยตรง สั่ง 20 ลัง ราคาต่อลัง 100 บาท แต่ถ้าไปสั่งจากร้านขายส่ง อาจจะได้ราคาต่อลัง 90 บาท
ต่อที่ฝั่งขาย การขายสมัยนี้ทำได้ 2 ทางอีกเหมือนกัน 1.ขายหน้าร้าน 2.ขายออนไลน์ จุดนี้เจ้าของเรื่องอยากบอกคนที่สนใจจะทำธุรกิจให้ดูดีๆ หากคิดจะขายหน้าร้านในแต่ละพื้นที่จะมีเจ้าตลาดอยู่และเจ้าตลาดส่วนใหญ่ คือ “ร้านขายส่ง” นั่นแหละ
สมมติสินค้าชิ้นเดิมร้านขายส่งส่งให้ 90 บาท แต่ราคาที่เขาขายปลีกหน้าร้านคือ 100 บาท ก็จะมีเพดานราคาที่ 100 บาท ให้เราขายสูงกว่านี้ไม่ได้ เพราะต้องไม่ลืมเจ้าตลาดในพื้นที่ที่ขาย
เจ้าของเรื่องยกตัวอย่างลูกค้าส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาใน Pet Shop ของตัวเองมักจะซื้อแต่อาหารตัวเดิมที่เคยซื้อให้หมาแมว ดังนั้นก็จะมีราคาในใจที่เคยซื้อเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่แล้ว ถ้าขายแพงกว่าเจ้าตลาดที่ซื้อประจำก็เดินออกจากร้าน ถ้าขายเท่ากันกับเจ้าตลาดก็แทบอยู่ยากแล้วเพราะกำไรน้อยจะไม่พอค่าใช้จ่าย ถ้าขายตัดราคา ขายให้ถูกกว่าไปอีกยิ่งอยู่ไม่ได้ไปใหญ่
เปลี่ยนไปขายออนไลน์ ?
ประเด็นนี้เจ้าของเรื่องอธิบายโดยยืนยันใครที่ทำธุรกิจอยู่น่าจะเข้าใจ สมัยนี้ในออนไลน์ส่วนมาก “กดราคากันเอง” บางทีแบรนด์ลงมาขายเอง มาช่วยกดราคาด้วย ร้านส่งเองยังแทบแย่ต้องขายแข่งกับแบรนด์ แล้วเจ้าของที่เป็นร้านเล็กรับมาจากร้านส่งอีกทีจึงมองยังไงก็สู้ไม่ได้ เพราะออนไลน์ตัดกันที่ราคาอย่างเดียว
ดังนั้นเมื่อสินค้ามันเหมือนกัน เช่นต้องการซื้อ XX-X รสปลาทู ก็แค่เทียบร้านไหนขายถูกสุด จำนวนยอดขายเยอะ รีวิวดี เจอแบบนี้เจ้าของเรื่องจึงบอกว่า อยากให้ร้านใหม่ๆ คิดเองเจอแบนี้จะสู้แบบไหน
เมื่อยอดขายไม่ดีแต่สินค้ามันมีหมดอายุนานวันเข้า สินค้าเริ่มทยอยหมดอายุ นั่นเท่ากับยอดขาดทุนที่ร้านเริ่มเจอขึ้นเรื่อยๆ หรือบางทีหนักอีก หนูกัดถุงอาหาร โดยช่วงที่เจอหนูถล่ม เจ้าของร้านเพ็ทช็อปรายนี้ถึงกับสารภาพว่าตัวเองแทบหมดหวัง คิดในใจว่าหมดตัวหรือไม่
“กลายเป็นว่าหากไม่ขาดทุนจากการหมดอายุก็ขาดทุนจากถุงอาหารสัตว์โดนกัดเสียหาย ผลสุดท้ายเลยต้องยอมปิดตัวลงครับ ผมแพ้เขาทุกทางเลย สินค้ารับมาทุนก็สูงกว่าเขา เจอเจ้าตลาดกดราคา กำไรก็น้อยอยู่ไม่ได้ ซวยไปอีก บางทีขาดทุนจากเหตุการณ์ที่เล่าฟัง”
“ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ผมอยากเตือนนะครับ สำหรับคนที่คิดจะทำ Pet Shop ให้คิดเยอะๆ คิดซ้ำๆ ส่วนหนึ่งที่คุณจะไม่รู้เลยคือราคาส่งเพราะถ้าคุณไม่ได้เปิดร้าน ไม่มีใครเขาบอกราคาส่งให้คุณรู้หรอกครับ เช่นแบรนด์ต่างๆ เขาจะขอใบจดทะเบียนการค้า ก่อนที่เขาจะส่ง contact เซลส์มาให้คุณติดต่อ ดังนั้นก่อนมาทำตรงนี้ ผมเองก็ไม่รู้ครับว่าในส่วนของต้นทุนสินค้ามันจะโหดจน margin (กำไร) ต่ำขนาดนี้ ส่วนใครที่ยังทำอยู่และยืนระยะได้ ยินดีด้วยครับ คุณเก่งมาก”
ทั้งนี้ในกระทู้เจ้าของร้าน Pet Shop ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ ยังเปิดตัวเลขที่ลงทุนไปทั้งหมดคร่าวๆ เผื่อใครหาเป็นข้อมูล อาทิ shelf ชั้นวางของต่างๆ ประมาณ 150,000 บาท ค่าสินค้าที่ลงล็อตแรกประมาณ ไม่เกิน 200,000 บาท สำหรับอาหารสัตว์ชนิดเม็ดจะมีแค่ของหมา และแมว ครับ หมามี 3 ยี่ห้อ ส่วนแมว 7 ยี่ห้อครับ เน้นแบรนด์เด่นๆ ของตลาด ใครที่อยากเข้าไปเสพข้อมูลฉบับเต็มเข้าไปตามกันต่อไปที่กระทู้ต้นทางที่นี่ คลิก.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ธุรกิจใหม่ สิระ เจนาคะ เปิดเช่าสินสอดสุดปัง รันวางการคนอยากร่วมหอลงโลง
- หมอช้าง เปิดฤกษ์มงคล ธันวาคม 2567 วันดี เหมาะขึ้นบ้านใหม่-ออกรถ-เจรจาธุรกิจ
- ฝีแตกอีกเจ้า อีซ้อ แฉ ธุรกิจตู้เติมเงินเจ้าดัง เตรียมปิดตำนาน พบนักร้องดังมีเอี่ยวด้วย
- มิกซ์ ลูกชาย หม่ำ เปิดธุรกิจใหม่ ร้านกาแฟแบรนด์ดัง ครอบครัวร่วมยินดีพร้อมหน้า
ข่าวล่าสุด
