ข่าวดาราบันเทิง

ณวัฒน์-ชาล็อต จ่อฟ้องธนาคาร-สถาบันการเงิน ปมถูกมิจฯ ตุ๋น 4 ล้าน

บอส ณวัฒน์ – ชาล็อต เอาจริง ฟ้องธนาคารและสถาบันการเงิน ตัวย่อ B หากไม่ยอมช่วยชดใช้คืน 50% ปมถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท

จากกรณี ชาล็อต ออสติน Miss Grand ชุมพร 2022 ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินสูญไปกว่า 4 ล้านบาท ก่อนมีการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมีการขยายผลจับกุมนางสาวปาริฉัตต์ แซ่เอี้ยว เจ้าของบัญชีม้าที่เส้นเงินวิ่งผ่าน โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นแค่บัญชีม้าเท่านั้น แต่อาจเป็นถึงหนึ่งในขบวนการรายใหญ่เนื่องจากพยานหลักฐานต่าง ๆ บ่งชี้ไปในทิศทางนั้น

Advertisements

ล่าสุด (15 ธ.ค.) บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ และ “ชาล็อต”กล่าวหลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหา ว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบสวนอยู่ซึ่งมีความคืบหน้าที่ค่อนข้างดี หากนัดรวมทุกอย่างแล้วจะมาแถลงข่าวอีกทีหนึ่งในวันที่ 20 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เวลา 13.00 น.

อีกทั้งสิ่งที่ดีมากในเรื่องนี้คือบุคคลดังกล่าวไม่ใช่แค่บัญชีม้า น่าจะเป็นคนที่ร่วมขบวนการดียวกัน เนื่องจากจับได้ว่าผู้ต้องหามีการออกไปประเทศเพื่อนบ้านมีการสแกนหน้าเข้าออกหลายรอบ บ่งชี้ว่าไม่ใช่เป็นแค่คนเปิดบัญชีและในแง่ของความรู้สึก-ข้อเท็จจริงนั้น ตนคิดว่าเขา (ผู้ต้องหา) เป็นผู้ร่วมขบวนการซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับคนหลายกลุ่มเพราะคาดว่าสามารถขยายผลไปได้เกือบร้อยเคส เช่น เคสน้องเด็กนักเรียนกับคุณยายที่อุดรฯ ก็อยู่ในกลุ่มนี้เหมือนกัน

ภาพจาก ณวัฒน์ อิสรไกรศีล – Mr.Nawat Itsaragrisil

ส่วนคำถามว่าจะมีโอกาสได้เงิน 4 ล้านบาทคืนหรือไม่นั้น บอสณวัฒน์คิดว่ามี แต่ไม่รู้ว่าจะได้ครบหรือไม่ อาจจะได้ 3 หรือ 4 ล้าน เนื่องจากฝั่งนั้นนำไปเปลี่ยนสกุลเงิน และตอนนี้ทราบแล้วว่าไปในเส้นทางไหนบ้างจึงขอยืนยันอีกทีว่าองค์กรที่เปลี่ยนเงินสดให้เป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย ตนยังไม่พูดชื่อสถาบัน แต่หากยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ วันที่ 20 เราจะพูดชื่อสถาบันแบบชัดเจนพร้อมหลักฐาน ดังนั้น แอปพลิเคชันหรือสถาบันที่ขึ้นต้นด้วยตัว B กรุณารับผิดชอบด่วนที่สุด

ในส่วนของผู้ต้องหานั้นก็แล้วแต่ดุลยพินิจของศาลว่าจะให้ประกันหรือไม่ ตนคาดการณ์ว่าคงไม่ได้รับเพราะเคสนี้มีความเกี่ยวพันกับคดีอื่นค่อนข้างเยอะ และจะต้องมีการสืบไปถึงคนแวดล้อม เพราะลักษณะเหมือนร่วมกระบวนการแน่นอน ตอนนี้จับได้ 1 คนคือผู้หญิง (ผู้ต้องหา) ที่ “ชาล็อต” โอนไป โดยจะมีการขยายผลจากคนนี้ที่กำลังถูกสอบสวนอยู่

นอกจากนี้ ตนยังมีโอกาสได้คุยกับผู้การฯ ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวยอมรับว่าเดินทางออกนอกประเทศซึ่งเป็นแหล่งกบดานของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ และยังไม่มีการถามแบบถอนรากถอนโคน เนื่องจากมีสถิติอยู่ทุกวัน หลอกกันไปได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน ต่อให้พูดไปขนาดไหนมันก็ยังไม่ลด ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แม้จะเหนื่อยที่คุย แต่ก็ต้องทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป

Advertisements
บอส ณวัฒน์
ภาพจาก ณวัฒน์ อิสรไกรศีล – Mr.Nawat Itsaragrisil

“ตอนนี้เขาสารภาพอะไรแล้วบ้าง?” ตนขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ทว่าเขาคงไม่สารภาพอยู่แล้วตามปกติ มันเป็นเทคนิค และหากเรามีหลักฐานเพียงพอ ก็น่าจะสรุปได้ เนื่องจากเจอเส้นเงินพอสมควร จึงอาจขอความร่วมมือ เพราะเงินออกจากชาล็อตไปเข้าบัญชีเขา จากนั้นถูกเปลี่ยนเป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์เลยทันที ซึ่งมันต่างจากเมื่อก่อนที่จะเป็นการโยนเงินไปบัญชีต่าง ๆ 1 2 3 4 แล้วค่อยรวมกัน ครั้งนี้มันอุกอาจ โยนเลยทั้งก้อน คนที่ขายให้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ดี ทางเราให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่หมดแล้ว แต่ยังคุยกันอยู่ตลอด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้การสืบสวนเข้มข้นและชัดเจนขึ้น ตนจึงขอเปิดประเด็นว่าบริษัทหรือหน่วยงานที่จำหน่ายเงินประเภทนี้ รับเงินมาจากบัญชีผู้ต้องหา ต้องออกมารับผิดชอบ เพราะถือว่ารับของโจร ไม่เช่นนั้นตนจะเอาเรื่องต่อไป ซึ่งรวมถึงธนาคารกสิกรไทยด้วย เดี๋ยวจะฟ้องเหมือนกัน เพราะแอปพลิเคชันเป็นของเขา อย่างน้อยต้องจ่าย 50% กฎหมายมีการลงโทษธนาคารเรียบร้อยในเคสที่ผ่านมา แต่ธนาคารมักไม่ยอมให้เป็นข่าวเพราะกลัวว่าทุกคนจะใช้เงื่อนไขนี้ เนื่องจากธนาคารต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ใครที่เสียหายสามารถไปฟ้องกับธนาคารได้

ภาพจาก @itscharlotty

ตัดภาพที่ผู้เสียหาย “ชาล็อต” กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจจับผู้ต้องหาได้ ส่วนตัวเข้าใจว่าบัญชีม้ามีสามประเภท 1. ไม่รู้ตัวว่าเป็นบัญชีม้า 2. รู้ตัว 3. โดนหลอก อย่างในเคสนี้คือรู้ตัว ร่วมมือกับมิจฉาชีพ จึงอยากฝากถามเจ้าตัวว่ากินอยู่นอนหลับสบายได้อย่างไรในความเดือดร้อนของคนอื่น บางคนไม่ได้แค่เสียใจ แต่ถึงขั้นฆ่าตัวจายก็มี อยู่ได้ยังไงกับความโลภแบบนี้ ตนจึงอยากเจอกับเจ้าตัวมาก

“ณวัฒน์” กล่าวเสริมว่า หากอยากเจอก็คงต้องก่อนฝากขังคืนนี้ แต่คงไม่ได้เพราะไม่มีใครว่าง เนื่องจากกำลังสอบสวนอยู่ อย่างไรก็ดี กลับไปที่ประเด็นธนาคาร ตนต้องขอพูดตรง ๆ ว่าอยากให้ออกรับผิดชอบด้วย มาคุยกันเร็ว ๆ มีการพิพากษามาแล้ว คดีที่ธนาคารต้องจ่าย เทียบเคียงในสิ่งที่ศาลพิพากษา เพราะอย่าลืมว่าแอปพลิเคชันทุกแอปฯ ต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย เนื่องจากการที่เราเข้าใช้บริการในธนาคารไหนก็ตาม เราเอาเงินไปฝาก ธนาคารได้ผลประโยชน์ (นำไปปล่อยกู้-ลงทุน) ดังนั้น ธนาคารต้องดูแลและรับผิดชอบด้วยพอสมควร หากรับผิดชอบไม่ได้ก็แสดงว่าเทคโนโลยีหรือวิธีการของธนาคารนั้น ๆ ไม่ปลอดภัยพอ

ทั้งนี้ทางเราตั้งข้อสังเกตได้สองประการคือ 1. ความลับของเราหลุดไปได้อย่างไร 2. มีการป้องกันที่มากกว่านี้ไหม สำหรับการฝากเงิน ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราไปไลฟ์ในติ๊กต่อก เขาจะมีโรบอทคอยตรวจจับการพูด อะไรที่ไม่ได้จะถูกดูดไปทันที และมันควรจะมีเคสโทนเสียงเช่น “สวัสดีครับ ผมมาจากหน่วยงานนี้ ๆ” ที่ธนาคารควรพัฒนาให้ทัน

ภาพจาก @itscharlotty

นอกจากนี้ “ชาล็อต” ยังยอมรับตรง ๆ ว่าอึ้งที่ตำรวจทำงานได้เร็วมาก แค่ 7 วันก็เจอตัวผู้ต้องหาแล้ว ขณะที่บอสบอกแทนเจ้าหน้าที่ว่าฝั่งนั้นไม่ได้ทำแค่คดีชาล็อต คดีดารา พอเป็นชาวบ้านแล้วล่าช้า ความจริงก็อยากทำให้หมด แต่พอเป็นคดีของทางเรา บุคคลที่เกี่ยวข้องก็ให้ความร่วมมือกันเร็ว ซึ่งก็ต้องยอมรับกันตรง ๆ อย่างเคสนี้ก็โดนแก๊งเดียวไปเกือบร้อยราย

ชาล็อต ระบุต่อว่า ทุกวันนี้ตนผวาความปลอดภัยของตัวเอง กลัวคนมาทำร้าย แต่อาจจะเป็นความคิดมากของตนด้วย แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการต่อไป “ไม่มีอะไรหลอก มันได้ไป 4 ล้าน มันไม่มายุ่งกับเราหรอก ไม่ต้องระแวง โจรพวกนี้มันกระจอก” บอส กล่าวเสริม

ส่วนประเด็นคอมเมนต์ในโซเชียลที่วิพากษ์วิจารณ์ตนเกินเลยนั้น ตอนนี้รอให้คดีเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นค่อยดูอีกทีว่าจะดำเนินการยังไงกับคนที่มาหมิ่นประมาท หรือใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพกับตน ก็รอดูกันต่อไป อาจได้กลับมามากกว่า 4 ล้านบาท รวมข้อมูลส่งให้ทางค่าย-เลขาส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

yo

First jobber Gen z ใหม่แกะกล่องส่งตรงจาก อักษรศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญา มศก. งานอดิเรกชอบท่องโลกออนไลน์ เล่นกับแมว เที่ยวกับครอบครัว อ่านมังงะ เล่นเกม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button