เคสตัวอย่าง ศาลสั่งธนาคารรับผิดชอบ คดีตาวัย 76 ถูกหลอกโอนเงินล้าน เกลี้ยงบัญชี
ศาลสั่งธนาคารรับผิดชอบ คดีคุณตาเสวก ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินล้านจนเกลี้ยงบัญชี ทนายแต๋ม นักว่าความเก็บค่าวิชาชีพ 100 เดียว กางข้อมูลคำพิพากษาศาลหลังสอบพยานเสร็จสิ้น ให้สถาบันการเงินดูแลค่าเสียหายทั้งหมด
นับเป็นอีกหนึ่งคดีที่อยากนำรายละเอียดมากล่าวถึงเป็นตัวอย่างตลอดจนข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะกับผู้ทีมีผู้สูงอายุและต้องหมั่นคอยดูแลเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเคสล่าสุดที่เป็นกรณีศาลมีคำสั่งให้ธนาคารแห่งหนึ่งรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคุณตาอายุ 76 ปี ที่จังหวัดนนทบุรี หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเป็นจำนวนกว่าล้านบาทจนเกลี้ยงบัญชีเงินฝาก
ข้อมูลซึ่งเปิดเผยโดยสถานีประชาชนของไทยพีบีเอส คุณสนธิพงษ์ มงคลสวัสดิ์ ผู้ดูแลคีดของ “ตาเสวก วรนุช” อายุ 76 ปี อดีตพนักงานรัฐแห่งหนึ่ง เล่าเหตุการณ์เมื่อ 10 ธันวาคมของสองปีก่อนที่ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ถอนเงินจากธนาคารหนึ่งไปฝากยังบัญชีของธนาคารอีกแห่ง
อ้างว่ามีความปลอดภัยมากกว่า คุณตาจึงไปกับหลานสาววัย 12 ปี ในการไปทำธุรกรรมดังกล่าวที่แบงก์สาขาห้างสรรพสินค้าใน จ.นนทบุรี พนักงานแบงก์มีการสอบถามต้องการทำโมบายแบงค์กิ้ง (Mobile Banking) หรือไม่ คุณตาตอบว่า “ไม่” ต้องการทำบัตรเอทีเอ็มหรือไม่คุณตาก็ปฏิเสธเหมือนเดิม
จากนั้นคุณตาอ้างว่า พนง.ยังแจ้งถึงข้อดีของเอทีเอ็ม ถ้าจำรหัสไม่ได้เสนอให้ตั้งรหัสเป็นเลข วัน-เดือน-ปีเกิด หรือปีเกิดอย่างเดียวก็ได้ หรือไม่ว่าจะเป็นเลขบัตรประชาชน 4 ตัวหลัง จนสุดท้ายชายชราตัดสินใจจะทำบัตรเอทีเอ็ม แต่ระหว่างที่นั่งรอเกิดเปลี่ยนใจขอยกเลิก โดยก่อนที่จะกลับบ้านยืนยันว่าได้เพียงสมุดบัญชีเล่มเดียวกลับมาเท่านั้น
จากนั้น 2 วันถัดมากลับไปที่ธนาคารอีกครั้งเพื่อจะถอนเงินล้านที่ฝากไว้ออกมาเพื่อซื้อสลากออมสิน แต่กลับได้รับแจ้งจากพนง. เงินจากบัญชีโอนออกไปตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.ที่คุณตาได้มาฝากเงิน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2565
ด้วยเหตุนี้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในอาการตกใจอย่างหนักจึงแจ้งกลับไปยังพนักงานว่าไม่ได้ทำธุรกรรมหรือกดลิงก์ใด ๆ เพราะโทรศัพท์เป็นรุ่นเก่า ตัวเองก็ไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีใด ๆ สุดท้ายเดินทางไปแจ้งความในพื้นที่ กระทั่งตำรวจไซเบอร์แนะนำไปเจอกับนายสนธิพงศ์ มงคลสวัสดิ์ หรือ “ทนายแต๋ม” จากนั้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องทางธนาคารต่อศาล เพราะว่าธนาคารปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างเหตุผลคุณตากับหลานไปสมัครโมบายแบงกิ้งผ่านตู้เอทีเอ็มและก็มีการทำธุรกรรมด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ดีเมื่อมีการถามถึงหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ธนาคารกลับอ้างว่ากล้องวงจรปิดเกินระยะเวลา ทำให้ไฟล์ข้อมูลจึงถูกลบ ซึ่งประเด็นนี้ผู้เสียหายติดใจมากเพราะผ่านไปแค่ 2-3 วัน ทำไมถึงลบทั้งที่เป็นไฟล์ข้อมูลสำคัญ
ล่าสุดเกี่ยวกับบทสรุปของคดีหลอกโอนเงินคุณตาเคสนี้ ทนายแต๋มแจ้งว่าศาลสืบพยานเส็จสิ้นและมีคำพิพากษาให้ธนาคารทำการชดใช้ความเสียหายทั้งหมดกับคุณตา โดยศาลชี้ว่าธนาคารต้องใช้ความระมัดระวังรอบคอบมากกว่านี้ เนื่องจากลูกค้าเป็นผู้สฝูงอายุอาจจะขาดความรู้ความเข้าใจและรหัสเทคโนโลยีต่าง ๆ
ทั้งนี้ในรายงายยังมีการระบุว่า ทนายแต๋มเก็บค่าวิชาชีพเพียงแค่ 100 บาทเท่านั้น ขณะเดียวกันในรายการสถานีประชาชนยังเชิญคุณตาผู้เสียหายมาเล่าถึงเหตุการณ์ถูกคนร้ายหลอกโอนเงินล้านที่เกิดขึ้นอีกครั้งเพ่อเป็นอุทาหรณ์กับประชาชนคนทั่วไป.
อ่านข่าวเพิ่มเติม