ศัลยแพทย์แนะ คู่รักเลิกทำ “ออรัลเซ็กซ์” หากไม่อยากเสี่ยงเป็นมะเร็งลำคอ
ศัลยแพทย์ออกโรงแนะนำ เหล่าคู้รักเลิกทำ ออรัลเซ็กซ์ เพราะมีความเสี่ยงจะเป็นจัดเริ่มต้นของการเป็น มะเร็งลำคอ
ในแต่ละปี ชาวอเมริกันประมาณ 18,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งช่องปากและคอหอย โดยศัลยแพทย์ศีรษะ คอ และไทรอยด์ในสหราชอาณาจักรระบุว่า สาเหตุหนึ่งมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือ ออรัลเซ็กซ์ โดย มะเร็งช่องปากและลำคอ เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 80 ปี แต่ปัจจุบันพบมากขึ้นในคนรุ่นใหม่ เนื่องจากเชื่อมโยงกับเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)
ดร. ฮิชาม เมฮันนา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมในสหราชอาณาจักร เขียนเมื่อวันจันทร์ในเว็บไซต์วิจัย Conversation ได้เปิดเผยว่า “HPV ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำหรับมะเร็งช่องปากและลำคอ ปัจจัยเสี่ยงหลักคือจำนวนคู่นอนทางเพศสัมพันธ์ตลอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก”
เมฮันนาเสริมว่า “ผู้ที่มีคู่นอนทางเพศสัมพันธ์ทางปากหกคนขึ้นไปตลอดชีวิต มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งช่องปากและคอหอยมากกว่าผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ทางปากถึง 8.5 เท่า” พร้อมกับบอกเพิ่มเติมว่า มะเร็งชนิดนี้เกิดขึ้นที่บริเวณส่วนกลางของลำคอ ด้านหลังช่องปาก ซึ่งรวมถึงเพดานอ่อน ต่อมทอนซิล โคนลิ้น และด้านข้างและด้านหลังของลำคอ
โดย อาการต่างๆ ของโรคมะเร็งช่องปากและคอหอย ได้แก่ เจ็บคอเรื้อรัง กลืนลำบาก อ้าปากได้ไม่สุด ลิ้นขยับลำบาก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดหู มีก้อนเนื้อที่ด้านหลังของปาก ลำคอ หรือคอ มีแผ่นสีขาวบนลิ้นหรือเยื่อบุช่องปาก และไอเป็นเลือด
ส่วนวิธีการรักษามะเร็งช่องปากและคอหอยโดยทั่วไป ได้แก่ การฉายรังสี เคมีบำบัด การรักษาแบบผสมผสาน หรือการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก
มะเร็งช่องปากและคอหอยที่เกิดจาก HPV มักมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่ากรณีที่เชื่อมโยงกับการสูบบุหรี่จัดหรือดื่มหนัก ผู้ป่วยประมาณ 70% จะมีชีวิตรอดจากโรคมะเร็งเป็นเวลา 5 ปีขึ้นไปหลังการวินิจฉัย โดยมีเชื้อ HPV มากกว่า 200 สายพันธุ์ และบางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศหรือมะเร็งปากมดลูก โดยชาวอเมริกันกว่า 42 ล้านคนมีเชื้อ HPV ที่ทราบว่าเป็นสาเหตุของโรค
HPV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคนในแต่ละปี
“ทฤษฎีที่แพร่หลายคือพวกเราส่วนใหญ่ติดเชื้อ HPV และสามารถกำจัดมันได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนเล็กน้อยที่ไม่สามารถกำจัดการติดเชื้อได้ อาจเนื่องมาจากความบกพร่องในบางแง่มุมของระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขา” เมฮันนาอธิบาย
เขากล่าวต่อว่า “ในผู้ป่วยเหล่านั้น ไวรัสสามารถจำลองตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเวลาผ่านไป จะรวมตัวกันแบบสุ่มในตำแหน่งต่างๆ เข้ากับ DNA ของโฮสต์ ซึ่งบางส่วนอาจทำให้เซลล์ของโฮสต์กลายเป็นมะเร็งได้”
เมฮันนาสนับสนุนการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กหญิงและเด็กชาย โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแนะนำให้เริ่มฉีดเมื่ออายุ 11 หรือ 12 ปี หรือเร็วที่สุดคือ 9 ปี รวมไปถึงการฉีดวัคซีนชดเชยให้กับกลุ่มที่อายุไม่เกิน 27 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนตอนอายุน้อยกว่านี้
เมฮันนายอมรับว่านี่อาจเป็นความคิดเห็นที่ไม่เป็นที่นิยม “มีประชากรบางส่วนที่มีสัดส่วนมาก ที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน HPV เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ความจำเป็น หรือน้อยกว่านั้น เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการส่งเสริมพฤติกรรมสำส่อน และเช่นเคย เมื่อต้องจัดการกับประชากรและพฤติกรรม ไม่มีอะไรที่ง่ายหรือตรงไปตรงมา”
อ้างอิง : nypost.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง