ศาลฎีกายกฟ้อง ‘ปารีณา’ แจ้งทรัพย์สินเท็จ ทนายเตรียมฟ้องกลับ
ศาลฎีกายกฟ้อง ปารีณา แจ้งทรัพย์สินเท็จ ชี้ไม่ได้มีเจตนาจงใจ เพราะไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องพระเครื่อง จึงนึกว่าเป็นองค์เดียวกัน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดี อม.อธ. 10/2566 คดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประรัฐ กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จึงขอให้ศาลฯ ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 114 วรรคสอง (1), 167 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 81
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ยกฟ้องในคดีนี้
สำหรับคำฟ้องของ ป.ป.ช. ที่กล่าวหาคือ นางสาวปารีณา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จำนวน 2 รายการ คือรายการเงินให้กู้ยืม และรายการพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย และสมเด็จนางพญาพิษณุโลก พิมพ์ออกนูนใหญ่
ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความของนางสาวปารีณา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ป.ป.ช. มีการอุทธรณ์ใน 2 ประเด็น ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้นางสาวปารีณา จะให้การในชั้นการสอบสวนของ ป.ป.ช. ที่แตกต่างกันว่า มีการกู้เงินจริง เพราะลูกหนี้ยอมรับ ว่านางสาวปารีณา ได้ช่วยเหลือในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555 จึงมีการกู้เงินจำนวน 10 ล้านบาท แต่ใช้คืนไม่หมด จึงมีการทำสัญญาในปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็นมูลเหตุของคดีนี้ โดยในที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาไม่ได้เชื่อคำอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีครอบครองพระ 2 องค์ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางสาวปารีณา ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่อง จึงเชื่อได้ว่าพระ 2 องค์ดังกล่าว เป็นพระองค์เดียวกัน ถึงแม้กรอบพระจะแตกต่างกัน แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นการตีราคาพระ ไม่ใช่ตีราคากรอบพระ จึงเชื่อได้ว่านางสาวปารีณาไม่ได้มีเจตนาจงใจ ที่จะไม่แสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน หรือที่มาของทรัพย์สิน พร้อมกับย้ำว่าศาลฎีกาในชั้นอุทธรณ์ จึงมีคำวินิจฉัยยกคำร้องอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.
โดยทนายความ ระบุว่า นอกจากนี้จะมีการฟ้องกลับในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 เนื่องจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ที่แสดงเป็นเท็จต้องมีเจตนาพิเศษคือ การจงใจที่จะปกปิดทรัพย์สินไม่ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทั้งยังไม่เชื่อเอกสารที่มีการยื่นโต้แย้งไป อีกทั้งยังยืนยันว่าเรามีเจตนาพิเศษที่จะปกปิด ดังนั้นจึงมีสิทธิฟ้องเรื่องการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยหลังจากนี้จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวกับนางสาวปารีณาอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทนายอั๋น แนะ ‘โน้ส อุดม’ แจ้งความกลับ ‘ปารีณา’ ด้าน Netflix โพสต์รับลูก-เสียใจมาก
- ‘เอ๋ ปารีณา’ ทนไม่ได้ เข้าแจ้งความ ‘โน้ส อุดม’ เอาผิด ม.112
- ‘ปารีณา’ ขออวด สุดปลื้มได้ของขวัญวันเกิดจากลูกชายชิ้นแรก