Line Newsผู้ชายสุขภาพและการแพทย์

ตุ่มขึ้นที่หัวอวัยวะเพศชาย เหมือนสิว อันตรายไหม แบบไหนต้องไปหาหมอ

หนึ่งในเรื่องกลุ่มใจของชายหลายคนเมื่อเข้าวัยหนุ่ม สังเกตน้องชายสุดรักตัวเอง สังเกตเห็น “ตุ่ม” ที่หัวอวัยวะเพศตรงคอหยัก ลักษณะเป็นเม็ดขาวๆ เล็ก ๆ คล้ายสิว แต่จะแล้วไม่เจ็บ สงสัยว่าเป็นอันตรายไหม บางคนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ กังวลว่าไปติดโรคมาจากไหน

ตุ่มอวัยวะเพศชาย ชนิดที่ไม่อันตราย

แท้จริงแล้ว ตุ่มแบบนั้นที่เกิดขึ้นเป็นอาการปกติ เรียกว่า ตุ่มไข่ปลาน้องชาย (Pearly penile papules) เป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือสีชมพูอ่อน เรียงเป็นแถวที่บริเวณรอบๆ หัวอวัยวะเพศ มีลักษณะคล้ายไข่ปลา เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดขนาดเล็ก ไม่มีอาการคันหรือเจ็บ ไม่เป็นอันตราย และมักหายได้เองภายใน 1-2 ปี

หรืออีกสาเหตุที่พบบ่อยว่าคือเกิดจาก ต่อมไขมัน (Fordyce spot) เป็นต่อมไขมันขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปบริเวณผิวหนังทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณอวัยวะเพศชาย มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มักไม่มีอาการคันหรือเจ็บ ไม่เป็นอันตราย และไม่ต้องการการรักษาใดๆ เพียงแค่รักษาความสะอาดน้องชายให้สม่ำเสมอ

ตุ่มอวัยวะเพศชายที่เป็นอันตราย

อย่างไรก็ดี หากสังเกตว่าตุ่มที่จู่ๆ เกิดขึ้นแล้วมีอาการคัน เจ็บแสบ เป็นแผล หรือมีสารคัดหลังไหล ประกอบกับมีประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ สามารถทำให้เกิดโรคที่ต้องรักษาได้หลายอย่าง เช่น

  • หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มักมีอาการคันเล็กน้อย การรักษาด้วยยาทาหรือการผ่าตัดสามารถช่วยกำจัดหูดได้

  • เริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes) เป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็กที่แตกออกและกลายเป็นแผล มักมีอาการคัน เจ็บ แสบ หรือปวดร่วมด้วย การรักษาด้วยยาต้านไวรัสสามารถช่วยควบคุมอาการและป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด หากภูมิคุ้มกันต่ำ อาการก็จะกลับมาอีก

  • หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) พบตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน บนผิวหนัง มีลักษณะกลมหรือรี ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร ตุ่มอาจมีจุดสีขาวเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง ตุ่มมักไม่มีอาการคันหรือเจ็บ แต่อาจมีอาการคันเล็กน้อยในบางราย สามารถหายได้เองภายใน 6-12 เดือน แต่อาจใช้เวลานานกว่านั้นในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การรักษาหูดข้าวสุกสามารถทำได้ด้วยวิธีทายาหรือจี้ไฟฟ้า

มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชายแบบไหนต้องรีบไปหาหมอ

หากตุ่มมีลักษณะหรืออาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

    • ตุ่มมีลักษณะไม่สม่ำเสมอ ขอบเขตไม่ชัดเจน
    • ตุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือจำนวนเพิ่มขึ้น
    • ตุ่มมีอาการคัน เจ็บ แสบ หรือปวด
    • มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่สวมถุงยางอนามัย

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button