เปิดคลิปสิ่งมีชีวิตหายาก กิ้งกือมังกรสีชมพู เดินอวดโฉมสีสันสดสวยบนโขดหินในหุบป่าตาด เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน จังหวัดอุทัยธานี พร้อมเปิดข้อมูลสิ่งมีชีวิตแปลกตาแห่งเดียวในโลก
ช่วงปลายฝนแบบนี้มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยหายาก ออกมาเผยตัวให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้ชมกันบ่อย ๆ วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก แต่มีสีสันสะดุดตา นั่นก็คือ กิ้งกือมังกรสีชมพู
ภายในคลิปวิดีโอปรากฏกิ้งกือมังกรสีชมพู กำลังเดินอวดโฉมบนโขดหินในป่า โดยกรมอุทยานแห่งชาติได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า
“เรามาชมความน่ารักของกิ้งกือมังกรสีชมพู (Shocking Pink Millipede) กิ้งกือชนิดนี้สำรวจพบครั้งแรกที่หุบป่าตาด ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในป่าเขาหินปูนภาคกลาง
ชมคลิปแล้ว เห็นตรงกันไหมคะว่า รูปร่าง และลีลา เหมือนกับเป็นลูกของมังกร จริง ๆ ณ ตอนนี้ เวลานี้ เป็นฤดูกาลที่พวกเขาออกมาเดินอวดโฉมโชว์ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันอยู่ค่ะ”
กิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์หายากสวยงามแปลกตา
สำหรับข้อมูลทั่วไปของกิ้งกือมังกรสีชมพู มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า สมาชิกในชมรมคนรักกิ้งกือ ได้สำรวจพบสัตว์นี้ เมื่อปี 2550 บริเวณป่าเขาหินปูนแถบภาคกลางตอนบนต่อกับภาคเหนือตอนล่างของไทย เมื่อเห็นว่าเป็นสัตว์แปลก มีชมพูสวยงามแปลกตา จึงแจ้งเรื่องไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านกิ้งกือจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน
ภายหลังพบเป็นกิ้งกือชนิดใหม่ของโลก จึงตั้งชื่อว่า กิ้งกือมังกรสีชมพู (shocking pink millipede) โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Desmoxytes purpurosea ต่อมาสถาบันไอไอเอสอี (IISE) ได้ประกาศให้กิ้งกือมังกรสีชมพู เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกเป็นอันดับที่ 3 รองจากปลากระเบนไฟฟ้าในแอฟริกา และฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดอายุ 75 ล้านปี ในสหรัฐอเมริกา
กิ้งกือมังกรสีชมพู มีสีชมพูสดใส มีปุ่มหนามคล้ายกับมังกร เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวยาวประมาณ 7 เซนติเมตร มี 20 – 40 ปล้อง มีต่อมข้างลำตัวที่สามารถขับสารพิษจำพวกไซยาไนด์ออกมา เพื่อป้องกันตัวจากศัตรูธรรมชาติจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
ปัจจุบันสามารถพบกิ้งกือมังกรสีชมพูได้ที่บริเวณหุบป่าตาด ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี สามารถพบได้ตามพื้นดินหรือแอ่งน้ำ โดยสัตว์หายากนี้จะออกมาให้นักท่องเที่ยวได้พบเจอในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นคือ ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี ขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นของผืนป่า
ขอบคุณข้อมูลจาก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ / มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
