หนึ่งในเป้าหมายของสาย Content Digital Marketing คือการที่เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Search Engine โดยเฉพาะ Google ผ่านการทำ SEO เพราะนั่นหมายความว่าเว็บไซต์ของเราจะมีคนมาเข้าชมมากขึ้น มีโอกาสเป็นธุรกิจหรือบริการอันดับต้นๆ ที่ลูกค้าจะเลือกซื้อ ตามมาด้วยยอดขายทางธุรกิจที่จะพุ่งทะยานขึ้นไปด้วย แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่า การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ติดอันดับที่ดีที่สุดของ Search Engine ไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ Keyword ของสินค้า บริการ หรือเนื้อหาเว็บไซต์ที่เราต้องการ Present เท่านั้น ยังมีกุญแจสำคัญอีกหนึ่งตัว คือ Backlink ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก Backlink ให้ดียิ่งขึ้นกัน บอกเลยว่าเป็นบทความที่คนทำ SEO ไม่ควรพลาด
Backlink คืออะไร
การจะทำ SEO ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มากที่สุดและตรงเป้าหมายนั้น การทำ Backlink มีความจำเป็นมาก โดยจะทำงานร่วมกับหลักการทาง SEO ซึ่งช่วยให้ Page Rank หรือคะแนนคุณภาพของเว็บไซต์ที่มีการถูกพูดถึงบนอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยความหมายของ Backlink สำหรับการทำ SEO คือ การวางลิงก์ของเราบนเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้งานให้เข้ามาสู่เว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยดันผลลัพธ์บน Search Engine อย่าง Google ได้ดีขึ้น เพราะระบบหรือ AI จะมองเห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีการถูกพูดถึง บวกกับมีการแชร์ออกไป จึงนับว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและมีการดันอันดับให้ดีขึ้น ตามมาด้วยยอดการมองเห็นของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
อยากมีเว็บไซต์ติดอันดับทำไมต้องทำ Backlink
การทำ SEO ด้วยการใช้แค่ Keyword ของสินค้า บริการ หรือเนื้อหาเว็บไซต์แค่อย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อการดันเว็บไซต์ของเราไปติดอันดับที่ดีที่สุดของ Search Engine โดยเฉพาะกับ Google เพราะเป็นเครื่องมือค้นหาอันดับ 1 ที่มีการวิเคราะห์ประเภทเว็บไซต์ต่างๆ ค่อนข้างละเอียด เลือกเว็บไซต์ที่มีข้อมูลแม่นยำ น่าเชื่อถือ มีความลื่นไหล กว่าจะส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไปยังการค้นหาของผู้ใช้งานเว็บไซต์ทั้งหมด ดังนั้นการทำ Backlink จึงมีความสำคัญและจำเป็นมาก เพราะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพิ่มคุณภาพให้กับเว็บไซต์ของเราและเป็นหนึ่งในกุญแจหลักของการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั่นเอง
ประเภทของ Backlink เลือกใช้ลิงก์ยังไงให้เหมาะสม
ในการทำ Backlink มีลักษณะของลิงก์ให้เลือกทำหลากหลายประเภท หากอยากให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทและเนื้อหาของบทความ รวมถึงหน้าเว็บไซต์ที่อยากทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและต่อระบบ Search Engine ด้วย เรามาดูลิงก์แต่ละลักษณะ พร้อมหลักการที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้กันเลย
ลิงก์แบบใช้คำตรงตัว (Exact-Match Link)
ลิงก์ประเภทนี้ เป็นการทำ Backlink แบบมีชื่ออยู่ใน URL พร้อมกับชื่อหัวข้อและเนื้อหาภายในบทความหน้านั้นๆ ของเรารวมเป็น Keyword เดียวกัน เช่น หัวข้อบทความของเราชื่อว่า “วิธีการทำ Backlink ให้มีคุณภาพ” ลิงก์หรือ URL ในการลงบทความของเราก็จะเป็น “www.example.com/articles/How To-Build High Quality Backlinks/” เป็นต้น รวมไปถึงการฝังลิงก์แบบ Hyperlink ไว้ในข้อความซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีโอกาสติดอันดับ Google และ Search Engine ง่ายขึ้น
ลิงก์แบบวลีหรือประโยค (Partial-Match Link)
เป็นการเชื่อมโยงลิงก์ไปยังบทความเดียวกันภายในเว็บไซต์ของเรา โดยเลือกใช้ข้อความจากหัวข้อในแต่ละบทความมาฝัง Hyperlink ไว้ ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจให้กับผู้ใช้งาน แถมยังง่ายต่อการเข้าถึงอีกหลายเว็บไซต์ด้วย วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ได้รับนิยม เพราะจะช่วยเพิ่มระยะเวลาให้ผู้ใช้งานอยู่กับเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น เราอาจเคยเห็นในหัวข้อ ‘เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง’ หรือ ‘เนื้อหาอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ’ พร้อมทำข้อความชื่อหัวข้อเป็นลิงก์ให้คลิกได้นั่นเอง
ลิงก์ชื่อแบรนด์ (Branded Link)
รูปแบบลิงก์ชื่อแบรนด์ เราอาจพบเห็นได้บ่อยๆ จากการฝากหน้าเว็บไซต์หลักโดยตรง เช่น การแนะนำเว็บไซต์ หรือการแนะนำช่องทางการติดต่อต่างๆ ของร้านค้าและบริการ เป็นต้น แต่การแนบลิงก์หน้าเว็บไซต์แบบ URL อาจจะมีโอกาสถูกมองว่าเป็นสแปมและถูกแบนได้ จึงแนะนำให้ฝังลิงก์ไว้ในข้อความที่เป็นชื่อเดียวกันกับเว็บไซต์เลยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่า เช่น ข้อความพิมพ์ว่า “LINE” แล้วฝังลิงก์หน้าหลักไว้ที่ข้อความตรงๆ เลย
ลิงก์ดึงดูดความสนใจ (Generic Link)
รูปแบบนี้เป็นการแทรกลิงก์ไปยัง Keyword หรือคำที่คิดว่าน่าสนใจเพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์กดเข้าไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้มากขึ้น โดยมักเลือกใช้คำที่มีลักษณะเชิญชวนให้ผู้ใช้งานคลิกดูต่อ เช่น อ่านต่อ ‘ที่นี่’ ‘คลิกเลย’ ‘ดูเพิ่มเติม’ เป็นต้น เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงเช่นเดียวกัน แต่หากคาดหวังคะแนนจาก Search Engine อาจไม่สูงมากนัก แต่ยอดการเข้าถึงแบบ Traffic Organic ของผู้ใช้งานเยอะแน่นอน
ลิงก์เปล่า (Naked Link)
การใช้ลิงก์เปล่า หรือ Naked Link นี้ ไม่ค่อยแนะนำ เพราะเป็นการวางลิงก์ตรงๆ ทั้งหมดของ URL ไว้ในเนื้อหาเลย ซึ่งส่งผลให้เนื้อหาบทความของเราดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือและไม่ค่อยสวยงาม ที่สำคัญทาง Google และ Search Engine อื่นๆ มักไม่ให้คะแนนการทำ SEO อีกด้วย แต่ถ้าใครที่อยากจะใส่ลิงก์เต็มจริงๆ อาจปรับรูปแบบเป็นเชิงอ้างอิงไว้ที่ช่วงท้ายบทความแทน
ลิงก์รูปภาพ (Images Link)
และลิงก์ประเภทสุดท้าย คือ การทำลิงก์แบบฝังไว้ในรูปภาพ เราสามารถกดลิงก์ไปที่เว็บไซต์ผ่านรูปภาพที่วางไว้ในบทความได้เลย ส่วนใหญ่จะพบเห็นการฝั่งลิงก์ในรูปภาพจากการทำป้ายแบนเนอร์โฆษณาในส่วนๆ ของหน้าเว็บหลัก
How to ทำ Backlink ให้เห็นผลที่สุด
รู้จัก Backlink แต่ละประเภทกันไปแล้ว ทุกคนคงเห็นภาพและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกใช้ Backlink แบบไหนดี แต่นอกจากการเลือกใช้ประเภท Backlink ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ที่เราต้องการจะดันให้ติดอันดับแล้ว ยังต้องมีทริกอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งเราได้รวมมาไว้ให้ที่นี่แล้ว
1. คอนเทนต์แน่นอย่างมีคุณภาพ
เพราะเราต้องการให้คนเข้ามาอ่านบทความและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากที่สุด การออกแบบเนื้อหาบทความหรือคอนเทนต์ของเราจึงมีความสำคัญมากที่สุด และเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องครีเอตคอนเทนต์ให้มีหัวข้อที่น่าสนใจ มีเนื้อหาบทความที่ยาว มีคุณภาพ และไม่ใช้คำที่ฟุ่มเฟือย ที่สำคัญต้องมีการแทรก Focus Keyword ไว้ในแต่ละบทความด้วย เพื่อส่งเสริมต่อการทำ SEO และง่ายต่อการแทรก Backlink แต่ละประเภทนั่นเอง แต่อย่าลืมปรับให้เนื้อหาและการแทรก Keyword มีความเป็นธรรมชาติ สามารถอ่านได้อย่างราบรื่นด้วย จะได้ไม่ดูเป็นบอทหรือเน้นทำคะแนน SEO เพียงอย่างเดียว เพราะยอด Traffic จากการใช้งานของผู้ใช้เว็บไซต์ก็เป็นปัจจัยหลักเช่นเดียวกัน
2. ติดต่อกับเว็บข่าว
วิธีนี้เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีความต้องการชัดเจนว่าอยากนำเสนอคอนเทนต์ของตัวเองเกี่ยวกับอะไรเป็นหลัก เพราะเว็บที่มีการจัดเนื้อหาเจาะกลุ่มผู้อ่านที่เป็นเป้าหมายชัดเจนทำให้สามารถเข้าถึงสื่อใหญ่หรือเว็บข่าวต่างๆ ได้ง่ายมาก สามารถยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนลงลิงก์บทความจากหน้าเว็บไซต์ให้กันและกันได้ หรือเว็บของเราอาจสามารถใช้บทความของตัวเองยกให้เป็นคอนเทนต์ของเว็บข่าว เพื่อให้เว็บข่าวแทรกลิงก์บทความเก่าๆ ของเว็บเรา อย่างที่เราบอกไปว่าการลิงก์บทความเก่าๆ ในหน้าเว็บไซต์ก็จะถูกนับคะแนนว่าเว็บนี้มีคุณภาพสูงได้นั่นเอง
3. เพิ่มประสิทธิภาพจากบล็อกนอกด้วย
เทคนิคนี้สามารถทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือการสร้างเว็บบล็อกจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการที่เปิดฟรี เพื่อทำบทความคุณภาพจากเว็บนั้นและทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์หลักของเรา ส่วนอีกวิธีคือ ฝากลิงก์เว็บไซต์ของเราไปยังหัวข้อบนเว็บบล็อกของคนอื่นผ่านช่องทางการแสดงความคิดเห็นพร้อมกับข้อความสั้นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของบทความหลักของเรา
4. ใช้ Google Search ให้เป็นประโยชน์
มี Tool อยู่ในมือก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ เราสามารถใช้ Google เป็นตัวช่วยง่ายๆ ด้วยการเสิร์ชหาบทความ หรือเสิร์ชชื่อเว็บไซต์ของเรา เพื่อเข้าถึงหน้าหลัก และหน้าบทความต่างๆ จากผลลัพธ์หน้าแรกที่ปรากฏขึ้นมา รวมถึงการเช็กคีย์เวิร์ดร่วมอื่นๆ ที่ทาง Google แนะนำเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเราในหัวข้อ ‘การค้นหาเพิ่มเติม’ เพื่อคลิกดูลิงก์อื่นๆ ต่อได้ หรือเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นจากการนำคีย์เวิร์ดอื่นๆ ที่เจอมาต่อยอดเนื้อหาในบทความหลักของเรา
5. หมั่นเช็กเว็บไซต์ข่าวเก่าๆ
ลงเนื้อหาในเว็บไซต์ไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่า Mission การดันยอดเว็บไซต์ของเราจะจบลง เราควรเข้าไปดูลิงก์บทความเก่าๆ ในหน้าเว็บไซต์ด้วย เพื่อกระตุ้นให้กับระบบ Search Engine ยังคงอันดับหรือรักษาคะแนน SEO ของเราไว้ เพราะแสดงถึงการ Active ระบบเห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีการอัปเดตอยู่เสมอนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Backlink ที่เรานำมาฝากทุกคนกัน จะเห็นได้ว่า Backlink คือหนึ่งกุญแจหลักที่ทำให้การทำ SEO หรือการดันหน้าเว็บให้ติดอันดับของเราประสบความสำเร็จและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเลือกใช้ Backlink อย่างตรงจุด มีความรอบคอบ และต้องมีความน่าเชื่อถือ หากใครที่กำลังมองหา Agency รับทำ Backlink Minimice Group เป็นตัวเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ และช่วยดันอันดับเว็บไซต์ของคุณให้ขึ้นอยู่บนหน้าค้นหา Google
เรามีประสบการณ์เชี่ยวชาญการทำ SEO และ Backlink พร้อมให้บริการอย่างครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกใช้คีย์เวิร์ด สร้างสรรค์เนื้อหา ติดต่อเว็บข่าว และแทรก Backlink อย่างเหมาะสมกับแต่ละเว็บไซต์ เพราะเราคือเบื้องหลังความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของธุรกิจชั้นนำมากมาย การันตีด้วยรางวัลชั้นนำที่มาพร้อมบริการ Digital Marketing อย่างครบวงจร
