ข่าวข่าวต่างประเทศ

สลด สาวหัวใจวายเพราะน้ำมะนาว พบมีคาเฟอีนสูงกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง 3 เท่า

สาวป่วยโรคหัวใจวัย 21 ปีเสียชีวิตจากการเผลอดื่มน้ำมะนาวที่ผสมคาเฟอีนเกินกำหนด แม่ลั่นเอาเรื่องร้านอาหารถึงที่สุด เหตุไม่แจ้งส่วนผสมอย่างละเอียด

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังครอบครัวของ “ซาราห์ แคตซ์” นักศึกษาสาววัย 21 ปี จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ดำเนินคดีกับคาเฟ่สัญชาติอเมริกันแห่งหนึ่งที่บกพร่องในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและขายเครื่องดื่มที่เป็นอันตรายต่อลูกค้า จนทำให้ลูกสาวเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวจากการดื่มน้ำ เลโนเนด (Lemonade) เมื่อปีที่แล้ว

Advertisements

สำนักข่าวรายงานว่า แคตซ์ มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้เธอหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มชูกำลังที่จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานหัวใจ วิกตอเรีย โรส คอนรอย เพื่อนสาวของแคตซ์ให้การว่าหากแคตซ์รู้ก่อนว่าน้ำมะนาวมีส่วมผสมของคาเฟอีนมากขนาดนี้เธอจะไม่แตะต้องมันเด็ดขาด

น้ำเลมอนผสมคาเฟอีนที่นักศึกษาดื่มจนเสียชีวิต
ภาพจาก : nypost

เมื่อตรวจสอบพบว่านักศึกษาสาวรายนี้ได้สั่งเครื่องดื่มเมนู “ชาร์จ เลโมเนด” จากร้านอาหารแห่งหนึ่งใต้หอพักของเธอ โดยเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะกินปริมาณคาเฟอีนสูงถึง 390 มก. ซึ่งมากกว่าปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง เรดบูลล์ ถึง 3 เท่า

หลังจากกินอาหารได้ไม่นานแคตซ์เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผลชันสูตรพบว่าเธอได้รับคาเฟอีนเกิดกำหนด เทียบเท่ากับการกินเครื่องดื่มชูกำลังทีเดียว 3 กระป๋องรวด

ซาราห์ แคตซ์ วัย 21 ปี

ด้านครอบครัวของแคตซ์ไม่ยอมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกล่าวหาร้านดังกล่าวว่าบกพร่องเรื่องการประกาศแจ้งเตือน ควรระบุถึงอันตรายหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อดื่มน้ำดังกล่าว ซึ่งผลกระทบของมันคือ ผู้ดื่มจะมีระดับความดันโลหิตสูงขึ้น อัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ รวมถึงกระทบต่อการทำงานของสมอง

Advertisements

กัวราน่า พืชลดน้ำหนักนิยมดื่มแทนกาแฟ

น้ำเลโมเนดดังกล่าวมีสรรพคุณว่าเป็นเครื่องดื่มแบบแพลนต์-เบส (Plant-based) หรือเครื่องดื่มที่เน้นผัก ผลไม้ มีการแปรรูปน้อยที่สุดซึ่งอยู่ในหมวดหมู่ของ “อาหารคลีน” โดยหนึ่งในส่วนผสมที่เข้าเพิ่มระดับคาเฟอีนของเธอให้ทวีคูณขึ้นมีชื่อว่า “กัวราน่า” พืชลดน้ำหนักที่สายสุขภาพใช้ดื่มเป็นคาเฟอีนทางเลือกแทนกาแฟแต่มีฤทธิ์แรงกว่า

อย่างไรก็ตามร้านได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังคงยืนยันว่าทุกเมนูของร้านใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัยพร้อมยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด

ขอบคุณข้อมูลจาก : nypost

Peangaor

นักเขียนประจำ Thaiger จบการศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มศว เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาชี้แจงแตกประเด็นในรูปแบบย่อยง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง รวมถึงเรื่อง Pop culture ซีรีส์ อาหาร และเทรนด์แฟชั่นที่กำลังอินเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ preme@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button