เปิดวิธีเช็กสภาพรถสำหรับรถยนต์ทุกประเภท เตรียมความพร้อมให้รถของคุณ ตั้งแต่ภายในจนถึงห้องเครื่อง ก่อนออกทริปเดินทางไกล หมดห่วงเรื่องการเดินทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือ ลงใต้ บุกป่า หรือลุยน้ำก็ไม่หวั่น
หนึ่งสิ่งของการขับรถที่บรรดาเจ้าของยานพาหนะทุกท่านให้ความสำคัญก็คือความปลอดภัย ไม่ว่าจะระยะทางใกล้หรือไกล การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้มั่นใจและตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการขับรถทางไกล ที่หากรถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดีพร้อม ทริปท่องเที่ยวของคุณก็จะราบรื่น หมดห่วง ลุยได้ทุกสภาพถนน
ดังนั้นผู้ขับขี่ควรรู้จัก วิธีตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ทุกประเภทได้ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้การเดินทางของคุณและเพื่อนร่วมท้องถนน อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและลดความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขั้นตอนการตรวจเช็กสภาพรถ เพื่อให้ “รถพร้อม คนปลอดภัย” จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย
1. ยางรถยนต์
การตรวจสอบยางรถยนต์ นับเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอในทุกครั้งก่อนขับรถ เหตุเพราะ ‘ยางรถยนต์’ เป็นชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา และมีบทบาทสำคัญความปลอดภัยในขับขี่ หากยางรถยนต์อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์อาจส่งผลต่อสมรรถนะโดยรวมของรถ ทั้งการควบคุมทิศทาง การทรงตัว และที่สำคัญ ‘การเบรก’
วิธีการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งาน และการเติมยางรถให้เพียงพอและเหมาะสมตามประเภทและน้ำหนักของรถยนต์
เติมลมยางรถยนต์แต่ละประเภท
- รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI
- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมลมยางประมาณ 30-35 PSI
- รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมลมยางประมาณ 35-40 PSI
- รถตู้ (บรรทุก 7-10 คน) ควรเติมลมยางประมาณ 43-55 PSI
2. เบรก
การตรวจสอบเบรก หนึ่งหนทางในการช่วยลดอุบัติเหตุที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เพราะหากเบรกทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจะนำไปสู่การสูญเสียการควบคุม และแน่นอนว่าอัตราความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็จะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ‘ผ้าเบรก’ อะไล่รถยนต์ที่ทำหน้าที่ชะลอความเร็วของรถและหยุดรถ เมื่อใดที่รู้สึกว่าสมรรถภาพของผ้าเบรกแตกต่างไปจากเดิมควรรีบเปลี่ยนผ้าเบรกทันที เพราะนั่นหมายว่าประสิทธิภาพการเบรกลดลง
นอกจากนั้นการตรวจเช็ก ‘น้ำมันเบรก’ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องด้วยจะส่งผลต่อการส่งแรงจากแป้นเบรกไปยังผ้าเบรก หากระดับน้ำมันเบรกต่ำ อาจทำให้สูญเสียกำลังในการเบรก
3. แบตเตอรี่
การตรวจสอบแบตเตอรี่ ส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้ารถยนต์ ที่จะส่งผลให้รถยนต์ของคุณขับขี่ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญของการสตาร์ทรถและสั่งงานส่วนประกอบต่าง ๆ อาทิ ไฟหน้า เครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่อยู่เสมอและเปลี่ยนทุก ๆ สามปี
4. ของเหลว
การตรจสอบของเหลวในรถยนต์ เป็นการเช็กและการเติมของเหลวต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการขับขี่รถยนต์ นับเป็นวิธีการตรวจสภาพรถยนต์ที่ง่ายที่สุด แต่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนรถยนต์อย่างมาก เนื่องจากของเหลวมีบทบาทต่อการใช้งานรถยนต์ในเกือบทุกด้าน ซึ่งการรักษาของเหลวในรถยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถใช้รถยนต์ได้นานยิ่งขึ้น ประเภทของเหลวที่ต้องตรวจเช็กเป็นประจำ ได้แก่
- น้ำมันเครื่อง
- น้ำมันเบรก
- น้ำมันเกียร์
- น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
- น้ำฉีดกระจกหน้ารถ
- น้ำยาหล่อเย็น
5. แอร์
การตรวจสอบแอร์ เป็นการเช็กสภาพของแอร์รถยนต์ น้ำยาแอร์ และแผ่นกรองอากาศ เหตุที่ส่วนประกอบทั้งหลายของแอร์ อย่างแอร์และน้ำยาแอร์นั้นจะช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในรถยนต์ขณะขับขี่ให้ผู้เดินทางรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย
ในส่วนของแผ่นกรองอากาศก็จะทำหน้าที่ในการะช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากสิ่งไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ หากแผ่นกรองอากาศอุดตันก็จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ ส่งผลให้ส่วนประกอบภายในเครื่องยนต์ต่าง ๆ สึกหรอ เนื่องจากสิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตันแผ่นกรองอากาศ
6. ไฟรถยนต์
การตรวจสอบไฟรถยนต์ เป็นการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไฟ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่มีผลต่อวิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ และบรรดาเพื่อนร่วมท้องถนน เพื่อให้สามารถมองเห็นสัญญาณไฟจากรถยนต์คันอื่น ๆ ซึ่งการส่งสัญญาณไฟของรถนั้นส่งผลต่อการใช้ถนนร่วมกันอย่างมาก รวมถึงเกี่ยวข้องกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ดังเช่น การขับขี่ในเวลากลางคืนที่มืดมิด หรือในช่วงสภาพอากาศที่ยากต่อการมองเห็น การตรสจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉินต่าง ๆ ให้ทำงานได้ตามปกติทุกดวง จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
7. ใบปัดน้ำฝน
การตรวจสอบใบปัดน้ำฝนให้ยังคงใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เป็นวิธีการช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในยามฝนตก กล่าวคือ เมื่อสภาพอากาศไม่เป็นใจ ฝนตกหนักจนบดบังการมองเห็นใบปัดน้ำฝนจะช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างดียิ่งขึ้น ทัศนยภาพชัดเจนขึ้น หากใบปัดน้ำฝนของคุณไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้ดังเดิมหรือทิ้งคราบน้ำไว้บนกระจกรถก็ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน เพราะการใช้ใบปัดน้ำฝนที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพเป็นอันตรายต่อการขับรถยนต์ในฤดูฝนเป็นอย่างมาก
นอกจากการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ตาม 7 วิธีที่เราได้รวบรวมมาให้นั้น การให้ความสำคัญกับเส้นทางการเดินทาง การต่อพ.ร.บ. รถยนต์ รวมถึงการตรวจสอบความคุ้มครองประกันรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน เพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวของคุณราบรื่นและปลอดภัยหายห่วงตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านจวบจนถึงที่หมาย
- ขั้นตอนจองทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ออนไลน์ เพิ่มการยืนยันตัวบุคคล 2 ต.ค. 66
- ไม่จ่ายใบสั่งความเร็ว โดนอะไรบ้าง ไม่จ่ายค่าปรับต่อภาษีรถยนต์ได้ไหม
- ความต่าง ประกันรถยนต์ ชั้น 1 2+ 3+ ซื้อแบบไหนคุ้มสุด ครอบคลุมสุด