‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งจับตากลุ่มมุสลิมในไทย จัดตม.คุมเข้ม 3 สัญชาติ หวั่นเกิดเหตุรุนแรง
‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งจับตากลุ่มมุสลิมเคร่งศาสนาในไทย จัดตม.คุมเข้ม 3 สัญชาติเข้าประเทศ ผนึกกำลังดูแลความปลอดภัยในกทม. และสถานทูตฯ อิสราเอลเป็นพิเศษ เตรียมพร้อมเหตุรุนแรง
หลังเหตุการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่และศาสนาระหว่างชาว “อิสราเอล” และ “ฮามาส” กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ที่โจมตีกันด้วยกำลังคนและขีปนาวุธรุนแรงกลางเมืองจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีกลุ่มแรงงานไทยได้รับความเดือดร้อน ส่งผลให้คนไทยเกิดความไม่สบายใจต่อกลุ่มคนเคร่งศาสนาประเทศไทยว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
วันที่ 9 ตุลาคม 2566 “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” หรือ “บิ๊กโจ๊ก“ รองผบ.ตร.ผู้รับผิดชอบงานความมั่นคงและกิจการพิเศษสั่งเพิ่มมาตราการดูแลความปลอดภัยกรุงเทพฯ และสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย หลังเกิดสงครามเดือดกลางเมืองและจับคนไทยเป็นตัวประกันจนพวกเขาตกอยู่ในอันตราย รวมถึงมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
เบื้องต้นบิ๊กโจ๊กสั่งการให้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย พร้อมกำชับให้ตำรวจนครบาลและตำรวจสันติบาล 3 เตรียมรถสายตรวจประจำจุดเพื่อดูแลความปลอดภัยสถานทูตฯ และเอกอัคราชทูตอิสราเอล ณ บ้านพักด้วย
ด้านสถานที่ที่คาดว่ากลุ่มชาวอิสราเอลจะเดินทางไปภายในประเทศไทยอย่าง ‘โบสถ์ยิว’ ให้ดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงสั่งตำรวจสันติบาลสืบสวนประสานงานข่าวอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานความมั่นคงนานาประเทศ
นอกจากนี้ในที่ประชุมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ (ตม.) เมื่อเวลา 11.30 น. ได้กำชับให้คุมเข้มเรื่องการเข้าประเทศของกลุ่มบุคคล 3 สัญชาติ ได้แก่ เลบานอน อิหร่าน ปาเลสไตส์ รวมถึงสัญชาติอื่นที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อัพเดทเพื่อความสบายใจของประชาชนว่า ตอนนี้ยังไม่มีเหตุรุนแรงน่าเป็นห่วงประเทศไทยแต่จะเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความปลอดภัยของคน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปาเลสไตส์และอิสราเอลที่จะดูแลอย่างเท่าเทียมกันเพราะไทยจะไม่ขัดแย้งและเข้าข้างฝั่งใด
กล่าวต่อว่า ยกให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่น่าจับตามากที่สุดเนื่องจากมีศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่กลุ่มมุสลิมซีอะห์อาจไปบูชาขอพร เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นจึงสั่งจนท.ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมากเป็นพิเศษ
เท่าที่ทำงานมายังไม่พบปัญหาหรือข้อเรียกร้องจากสถานเอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เหตุเพราะเมื่อเกิดเหตุตนได้ส่งตำรวจเข้าไปดูแลทันที ทำให้สถานทูตฯ คลายความกังวลและเชื่อมั่น ด้านคนต่างศาสนาอย่างชาวมุสลิมยังคงไม่มีการออกมาเรียกร้องอะไรในประเทศไทย