‘อนุทิน’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เปิดทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่เองได้ ภายใต้หลักกรมบัญชีกลาง รวมถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมควบคุมโรค
‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) อยู่ในขณะนี้ ได้เผยถึงรายละเอียดของการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งนับเป็นการปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้ายของเขาในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยที่ประชุมได้มีการวางกรอบอนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือ อปท.สามารถจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง เริ่มต้นในปีงบประมาณ 2567
ซึ่งขั้นตอนการจัดซื้อจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเองของ อปท. นั้นจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง กล่าวคือ อปท. จะสามารถจัดซื้อได้ก็ต่อเมื่อมีหนังสืออนุมัติจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข แต่ในส่วนของศักยภาพของแต่ละอปท.ในการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวด้วยตัวเองนั้น คงต้องดำเนินไปตามหลักกระจายอำนาจ ที่สัมพันธ์กับการโอนถ่ายการบริการไปสู่ท้องถิ่น
ทางด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวว่า ในส่วนของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น ปกติภาครัฐมีการจัดหามาฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำทุกปี โดยสัดส่วนของสปสช. เป็นชนิด 3 สายพันธุ์ ประมาณ 4 ล้านโดส รวมเป็นงบประมาณ 400 ล้านบาท และสัดส่วนของกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นชนิดป้องกัน 4 สายพันธุ์ เป็นงบประมาณ 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจำนวนวัคซีนทั้งหมดที่ได้มีการจัดหามานั้น ยังไม่เพียงพอกับกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ ที่ควรได้รับวัคซีนเช่นกัน ทั้งผู้สูงอายุที่มีประมาณ 12 ล้านคน รวมถึงเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 6 เดือน – 3 ขวบ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ อีก ดังนั้นวัคซีนที่มีจึงถือว่ายังไม่ครอบคลุม
หากมีอปท. เข้ามาช่วยดำเนินการจัดซื้อจัดหาวัคซีนในส่วนนี้ก็จะสามารถช่วยให้มีวัคซีนที่ครอบคลุมและทั่วถึงแก่ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เพราะบางพื้นที่อาจจะมีกลุ่มเสี่ยงที่นอกเหนือจากกลุ่มเสี่ยงที่ตั้งไว้ เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ เป็นต้น ส่วนข้อกังวลเรื่องศักยภาพของอปท.บางพื้นที่ที่ไม่เท่ากันนั้น ก็อาจจะต้องหาแนวทางบริหารจัดการต่อไป แต่เบื้องต้นทางกรมควบคุมโรค ก็มีวัคซีนพื้นฐานสำหรับมอบให้กับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้อยู่
ในส่วนของวัคซีนอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อประชาชน เบื้องต้นในที่ประชุมได้มีการอนุมัติการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือ HPV ร่วมด้วย เพื่อให้บริการแก่เด็กหญิงอายุ 11 ปี (ระดับชั้นป.5) โดยร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ดำเนินการต่อ
ทั้งนี้ การอนุมัติให้อปท. จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้นั้น จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 โดยนำร่องในจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ก่อนเป็นอันดับแรก
- ลงทะเบียน ฉีดวัคซีน HPV ฟรี 2566 เช็กเงื่อนไข ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีที่นี่
- ตารางฉีดวัคซีนทารก – เด็กประถม เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูก อัปเดต 2566
