‘ราชทัณฑ์’ เผย ‘ทักษิณ’ ยังไม่ได้กล้อนผม เผยอาหารมื้อแรกในเรือนจำ
![](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2023/08/ทักษิณ-กล้อนผม.webp)
กรมราชทัณฑ์ เผย ทักษิณ ยังไม่ได้กล้อนผม เนื่องจากผมยังไม่ยาว เผยอาหารมื้อแรก มื้อเย็นวันนี้เตรียมเสิร์พข้าวต้มและผักต้ม
นายอายุตม์ สินธพพันธ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ นายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และนพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมตั้งโต๊ะแถลงหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการขังเดี่ยว ภายหลังจากที่ศาลพิพากษาจำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี
โดย นายอายุตม์ กล่าวว่า ภายหลังรับตัวนายทักษิณมาแล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จัดสถานที่เพื่อรองรับกรณีมีญาติมาเยี่ยม เนื่องจากผู้ต้องขังมีญาติ เพื่อน และองค์กรต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน และมีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาเยี่ยมจำนวนมาก โดยทุกคนสามารถมาลงทะเบียนขอเยี่ยมได้ตามระเบียบของเรือนจำ
และเนื่องจากนายทักษิณ มีอายุ 74 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มผู้ต้องขังสูงอายุที่ต้องเฝ้าระวังทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย และอนามัย เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และขณะนี้ได้แยกตัวผู้ต้องขังไปอยู่ในสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพียงคนเดียวก่อน เพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังคนอื่น
นายอายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณยังไม่ต้องกล้อนผมเหมือนผู้ต้องขังคนอื่น เนื่องจากผมยังไม่ยาว และนายทักษิณได้ไว้ผมรองทรง ซึ่งถือว่าไม่ยาวมาก รวมทั้งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นผู้ใหญ่ที่ทางเรือนจำให้เกียรติ ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่เข้าเรือนจำวันนี้ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อของทางเรือนจำ โดยจุดแรกเข้าไปประตู 2 ผ่านไปยังประตู 3 ก่อนไปยังจุดตรวจสอบประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายภาพ ไม่ได้ใช้เวลานาน ไม่มีสีหน้าวิตกกังวล และไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ
ขณะที่นายสิทธิ กล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณ ได้ถูกแยกขังอยู่ในแดน 7 บนชั้น 2 ของอาคารเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นห้องปกติไม่มีเครื่องปรับอาการ มีกล้องวงจรปิด และแพทย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลตามกระบวนการและความปลอดภัย
สำหรับการเข้าเยี่ยมของญาติ ตามระเบียบผู้ต้องขังจะถูกกักตัวก่อน 10 วัน โดยใน 5 วันแรก จะให้เพียงทนายความเข้าเยี่ยมเท่านั้น ส่วนวันที่ 6-10 จะญาติเยี่ยมได้ผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งนายทักษิณ ถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง 608 สามารถเรียกร้องขออาหารเสริม หรือยารักษาโรคเพิ่มเติมได้
ด้าน นายนัทธี กล่าวว่า กรณีที่นายทักษิณ ต้องอยู่ในแดนที่เป็นสถานพยาบาล เพื่อระมัดระวังรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบาง และยึดหลักความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยใช้ทีมแพทย์และพยาบาลของเรือนจำตรวจร่างกายตลอด สำหรับอาหารของทางเรือนจำ ก็เป็นอาหารตามวงรอบ แต่ก็มีอาหารพิเศษที่มีร้านค้าเปิดจำหน่าย โดยผู้ต้องขังสามารถซื้อได้วันละ 500-600 บาท และเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ ไม่มีโซเดียม ส่วนกิจวัตรของเรือนจำ นายทักษิณ ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นทั่วไป
ส่วนอาหารมื้อแรกในเรือนจำ ซึ่งเป็นมื้อกลางวัน ที่นายทักษิณ รับประทานเพียงน้ำดื่ม และขนมปังเพียงเล็กน้อย และบอกว่ายังไม่ค่อยหิว ส่วนอาหารมื้อเย็นในเรือนจำวันนี้ เป็นข้าวต้ม และผักต้ม
นพ.วัฒน์ชัย กล่าวว่า ญาติของนายทักษิณ ได้นำประวัติการรักษา การตรวจร่างกายแบบ MRI จากการรักษาในโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ 2 แห่ง มาประกอบด้วย โดยเบื้องต้นพบว่านายทักษิณกำลังรักษาอยู่ 4 โรค คือ โรคหัวใจขาดเลือด ปอดอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง และกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท ซึ่งทั้ง 4 โรคนี้ ก็ถือว่าเป็นโรคที่ต้องใช้แพทย์เฉพาะทางทำการรักษา โดยเบื้องต้นได้เตรียมแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไว้แล้ว แต่หากโรคใดไม่มีแพทย์เฉพาะทางก็จำเป็นต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาพทางของโรคนั้นอยู่
ซึ่งตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ การส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาภายนอกจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หรือการหลบหนีจากการคุมขังอีกด้วย ฉะนั้นจึงต้องใช้โรงพยาบาลของรัฐเป็นหลัก โดยอันดับแรกคือ โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคจากระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทางเรือนจำมีห้องกักโรคไว้แล้ว รวมทั้งเฝ้าระวังโรคติดต่อจากต่างประเทศเนื่องจากผู้ต้องขังได้เดินทางไปหลายประเทศ
นายสิทธิ กล่าวถึงการขอพระราชทานอภัยโทษ ว่านายทักษิณ สามารถยื่นคำร้องได้ตั้งแต่วันนี้ โดยตัวนายทักษิณหรือญาติ สามารถส่งเอกสารให้ทางเรือนจำฯ ก็ได้ และขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นให้เรือนจำพิจารณา ก่อนจะส่งให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ก่อนเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม ส่งให้สำนักองคมนตรี นำเรื่องขึ้นทูลเกล้าถวาย ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจ ซึ่งส่วนใหญ่จะช้าอยู่ที่ขั้นตอนการรวบรวมเอกสารของผู้ต้องขัง
ซึ่งการขอพระราชทานอภัยโทษมี 2 ประเภท คือเฉพาะบุคคล และเป็นการทั่วไป โดยแต่ละเรื่องจะมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นแต่ละคราวไป โดยนายทักษิณ