น่ากังวล วิกฤตการณ์โลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของมหาสมุทรแอตแลนติก กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมกำลังจะล่มสลายในอีกไม่ช้า นักวิทยาศาสตร์เตือน กระทบทุกชีวิตบนโลก
วันนี้ 27 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวใหญ่ของโลกอย่าง CNN ได้รายงานข่าวน่ากังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก “กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม” ระบบสําคัญของกระแสน้ําในมหาสมุทรอาจล่มสลายภายในไม่กี่ทศวรรษ หากโลกยังคงสูบฉีดมลพิษจากความร้อนให้กับโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากมันเกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่จะหายนะต่อสภาพอากาศโลกและ “ส่งผลกระทบต่อทุกคนบนโลกใบนี้”
การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์เมื่อวันอังคารในวารสาร Nature พบว่า กระแสน้ำไหลในมหาสมุทรแอตแลนติก (Atlantic Meridional Overturning Current หรือ AMOC) ซึ่งกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (Gulf Stream) เป็นส่วนหนึ่ง อาจล่มสลายได้ในช่วงกลางศตวรรษ
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าจุดสิ้นสุดที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่แน่นอน และการวัดกระแสจนถึงขณะนี้มีแนวโน้มหรือการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าผลลัพธ์เหล่านี้น่าตกใจและให้หลักฐานใหม่ว่าจุดเปลี่ยนอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยคิดไว้
พูดให้เจาะจงคือเหตุการณ์เลวร้ายสุดคือ กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมอาจล่มสลายลงภายในปี ค.ศ. 2025
กระแสน้ำไหลในมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นกระแสที่พันกันซับซ้อนซึ่งทํางานเหมือนสายพานลําเลียงขนาดยักษ์ทั่วโลก มันขนส่งน้ําอุ่นจากเขตร้อนไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ที่ซึ่งน้ําจะเย็นลงและค็มขึ้นแล้วจมลึกลงไปในมหาสมุทร ก่อนที่จะแพร่กระจายไปทางใต้
มันมีบทบาทสําคัญในระบบภูมิอากาศ ช่วยควบคุมรูปแบบสภาพอากาศโลก การล่มสลายจะมีผลกระทบอย่างมาก รวมถึงฤดูหนาวที่รุนแรงขึ้นและระดับน้ําทะเลที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของยุโรปและสหรัฐอเมริกา และการขยับของมรสุมในเขตร้อน
หลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนถึงความไม่เสถียรของระบบหมุนเวียนน้ำในขณะที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศเร่งตัวขึ้น โดยจะทําให้ความสมดุลของอุณหภูมิและความเค็มที่ความแรงของกระแสน้ําเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของสภาพอากาศ
เมื่อมหาสมุทรร้อนขึ้นและน้ําแข็งละลาย น้ําจืดจะไหลลงสู่มหาสมุทรมากขึ้นและลดความหนาแน่นของน้ํา ทําให้น้ำจมน้อยลง เมื่อน้ําจืดเกินไป อุ่นเกินไป หรือทั้งสองอย่าง สายพานลําเลียงน้ำจะหยุดลง
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ตามปกติแล้ว ระบบหมุนเวียนน้ำจะลำเลียงเป็นสายพานคล้าย ๆ ล้อรถแบ็คโฮ เมื่อน้ำที่เค็มกว่า เย็นกว่า มันจะจมลงล่างไหลไหลเวียนไปยังส่วนอื่นของมหาสมุทร กระทั่งมันอุ่นขึ้น จืดขึ้นก็ลอยกลับขึ้นมาอีกครั้งเป็น วัฏจักร แต่เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำทั้งหมดอุ่นขึ้น ระบบที่ว่านี้ก็มีปัญหา เพราะน้ำมันจมลงไปตามสายพานอย่างที่ควรจะเป็น – บรรณาธิการ Thaiger
หายนะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อกว่า 12,000 ปีที่แล้ว การละลายของธารน้ําแข็งอย่างรวดเร็วทําให้ AMOC หยุดชะงักลง ซึ่งนําไปสู่ความผันผวนของอุณหภูมิซีกโลกเหนือครั้งใหญ่ที่ 10 ถึง 15 องศาเซลเซียสภายในระยะเวลาแค่ 10 ปี
รายงานปี 2019 โดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติคาดการณ์ว่า AMOC จะอ่อนแอลงในศตวรรษนี้ แต่การล่มสลายทั้งหมดก่อนปี 2100 นั้นไม่น่าเป็นไปได้ แต่การศึกษาใหม่นี้ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจมากขึ้น
เนื่องจาก AMOC ได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 ผู้เขียนการศึกษาจึงมองหาชุดข้อมูลที่ใหญ่กว่ามาก และสามารถแสดงให้เห็นว่ากระแสน้ํามีพฤติกรรมอย่างไรในช่วงเวลาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์
พวกเขาพบ “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ของการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญใน AMOC ซึ่งทําให้พวกเขาคาดการณ์ “ด้วยความมั่นใจสูง” ว่าสามารถมันจะล่มสลายได้เร็วที่สุดในปี 2025 และไม่เกินปี 2095 จุดล่มสลายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือระหว่างปี 2039 ถึง 2070
ถ้าหากมันล่มสลายลงจริงตามกรอบเวลาข้างต้น มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในห้วงเวลานั้นจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสภาพอากาศทางเหนือที่เย็นขึ้น กระทบต่อสิ่งมีชีวิต การเพาะปลูก ก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาเป็นห่วงโซ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะเศรษฐกิจของมวลมนุษยชาติ
อ้างอิงจาก : CNN
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมคืออะไร
กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมเรียกว่า กระแสน้ำนอร์ทแอตแลนติก เพราะไหลขึ้นไปทางเหนือ เป็นกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติก มีจุดเริ่มต้นที่อ่าวเม็กซิโกและแผ่ขยายไปยังปลายของรัฐฟลอริดา เคลื่อนตัวตามชายฝั่งทิศตะวันออกของสหรัฐและรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ก่อนที่จะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไป
กระบวนการความหนาแน่นทางทิศตะวันตกทำให้กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมเคลื่อนตัวไปทางเหนือด้วยความเร็วออกนอกชายฝั่งทิศตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ โดยที่จุดพิกัดราว 40°0′N 30°0′W กระแสน้ำแยกออกเป็น 2 ทาง ทางทิศเหนือ คือ กระแสน้ำนอร์ทแอตแลนติก วิ่งผ่านยุโรปเหนือและ กระแสน้ำทางใต้ กระแสน้ำกานาเรียสที่ไหลเวียนออกนอกแอฟริกาตะวันตก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
