‘หมออ๋อง-วิทยา’ แสดงวิสัยทัศน์ก่อนลงคะแนนเสียงโหวตรองประธานสภา
หมออ๋อง ตัวแทนพรรคก้าวไกล และ วิทยา ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงวิสัยทัศน์ก่อนลงคะแนนเสียงโหวตรองประธานสภา
จากกรณีที่ประชุมสภานับคะแนนลงเสียงโหวตเลือกรองประธานสภา โดยทางพรรคเพื่อไทยได้ส่ง หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกล ขณะที่ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการเสนอนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่งนั้น
โดยก่อนจะลงคะแนนเสียงได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกเสนอทั้งสองคนแสดงวิสัยทัศน์ไม่เกิน 7 นาที โดยนายปดิพัทธ์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า ถือเป็นเกียรติและเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่ตนจะมีโอกาสได้สนับสนุนองค์กรที่เป็นกระบวนการนิติบัญญัติและสนับสนุนประธานสภา ความตั้งใจที่ตนอยากนำเสนอกับสภาเพื่อพิจารณาคือ อยากเห็นประชาชนกลับมามั่นใจในสภาอีกครั้งในกระบวนการนิติบัญญัติที่กฎหมายทุกฉบับจะได้รับการพิจารณาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะทำให้สภานิติบัญญัติกลับมามีตัวตนและศักดิ์ศรี โดยที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญที่พวกเราควรต้องยึดถือและสนับสนุนให้เกิดขึ้น
เมื่อตนได้ดูภารกิจสำนักงานเลขาธิการสภา เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตนเป็นอย่างมาก คือสำนักงานเลขาธิการสภาจะเป็นสมาร์ท พารีเมนต์ คือการเสริมสร้างกระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล การที่เราจะพัฒนากระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพได้นั้น เราจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับกระบวนการนิติบัญญัติให้มีมาตรฐานสากลให้ได้ ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย คือกระบวนการตรวจสอบที่ประชาชน สื่อมวลชน เพื่อนสมาชิก สามารถติดตามกระบวนการผ่านร่างกฎหมายได้อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ประชาชนสามารถติดตามกฎหมายได้
นายปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังนึกถึงการที่จะแปลกฎหมายที่ผ่านมติในวาระสามของสภาผู้แทนราษฎรและบังคับใช้แล้วเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ร่วมกับอาเซียนและประชาคมโลกได้ รวมถึงการมีความร่วมมือในเวทีรัฐสภาระหว่างอีกหลายด้าน โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทความเท่าเทียมทางเพศของสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือสมาชิกที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ให้มีบทบาทขับเคลื่อนสภาอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ตนอยากเห็นสิ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ไม่ใช่แค่การเลือกตัวแทนของเขาเข้ามาทำงานในสภาแห่งนี้ แต่กระบวนการรับฟังความเห็นต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉะนั้น หากตนได้รับการมอบหมายจากประธานรัฐสภาและประธานสภา ตนจะใช้ 4 ปีที่มีอยู่เป็นกลางให้ได้มากที่สุด และทุกความสามารถในการพัฒนาองค์กรนี้ให้มีสมรรถนะสูง เป็นระบบราชการที่ทันสมัยตอบสนองพี่น้องประชาชนและการทำงานของเพื่อนสมาชิก และเราจะสามารถยกระดับรัฐสภาให้ดีขึ้นได้ สัญญาว่าจะสนับสนุนการทำงานของประธานสภาให้ดีที่สุด และจะบริการสมาชิกทุกท่านอย่างเท่าเทียมกัน
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณที่มีผู้เสนอตนขึ้นมาเป็นรองประธานสภา คนที่ 1 ตนคิดว่าใจความสำคัญของการทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ คือการรักษาองค์กรของสภานิติบัญญัติให้เป็นสภาที่ทรงเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะออกกติกากฎหมายให้บ้านเมือง ซึ่งบ้านเมืองเราเป็นนิติรัฐที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กติกาและกฎหมาย สถานที่นี้คือสถานที่ที่จะออกกฎกติกาของสังคมทั้งหมด ตนเชื่อว่ามีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามแนวนโยบายของประธานสภา
ตนให้ความเชื่อมั่นว่าจะมีความเป็นกลาง ให้ความเสมอภาคต่อเพื่อนสมาชิก ตนจะรักษาเกียรติภูมิหน้าตาของสภานิติบัญญัติให้เป็นที่เชื่อมั่น เชื่อถือของประชาชน และรักษาเกียรติภูมิของสภาให้ประชาชนเชื่อมั่น บางยุคบางสมัยประชาชนเบื่อหน่ายรำคาญสภาที่ไร้ระเบียบวินัย เราจึงต้องเริ่มต้นช่วยกันให้สภามีเกียรติภูมิแท้จริง ตนให้ความมั่นใจว่าในสมัยประชุมนี้ ตนจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง รักษาเกียรติภูมิของสภาให้ดีที่สุด
จับตาลงคะแนนเสียงเลือก รองประธานสภาคนที่ 1 ‘หมออ๋อง’ ปะทะ ‘วิทยา’