ทำความรู้จัก ประวัติ “เจมส์ คาเมรอน” ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้เริ่มต้นดำน้ำเก็บภาพถ่าย สำรวจซากเรือ “ไททานิค” ครั้งแรก สู่แรงบันดาลใจผลงานภาพยนตร์เรื่อง TITANIC (ค.ศ. 1997)
เปิดประวัติ “เจมส์ คาเมรอน” ผู้กำกับคนดังระดับตำนาน เจ้าของผลงานภาพยนตร์เรื่อง “ไททานิค” ทั้งยังเป็นนักสำรวจซากเรือผู้หลงใหลในโลกใต้มหาสมุทร โดยในปี ค.ศ. 1995 เจมส์ คาเมรอน เคยออกเดินทางสำรวจซากเรือไททานิค ที่บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อนำมาเป็นภาพประกอบฟุตเทจในหนังเรื่อง Titanic ที่จะฉายในปี ค.ศ. 1997 บนระดับความลึกมากถึง 13,000 ฟุตเหนือน้ำทะเล (หรือประมาณ 3,962.4 เมตร) และทำการดำน้ำสำรวจซ้ำไปมารวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2012 “เจมส์ คาเมรอน” ยังได้ทำภารกิจทำลายสถิติโลก ด้วยการนั่งเรือดำน้ำ “ดีปซี ชาเลนเจอร์” สำรวจใต้ทะเลลึก ณ บริเวณ “แชลเลนเจอร์ดีป” (Challenger Deep) หรือ จุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลกเท่าที่รู้จัก ที่ระดับความลึก 10,911 เมตร โดยที่เขาสามารถลงไปในระดับความลึกได้ถึง 10,898 เมตร
เรียกว่าดีกรีผูกำกับคนดังอย่าง “เจมส์ คาเมรอน” ความสามารถหลากหลายไม่ธรรมดา สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าพ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์ ที่ยังมีความหลงใหลประเด็นด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จนนำไปสู่แรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์มากมาย ซึ่งเจมส์คาเมรอน จะมีประวัติน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับ ไททานิค และเรื่องราวการสำรวจซากเรือใต้ทะเลอย่างไรบ้าง เข้ามาอ่านในนี้กันได้เลยครับ
ประวัติ “เจมส์ คาเมรอน” ผู้กำกับ-นักสำรวจซากเรือ ไททานิค
สำหรับประวัติของ “เจมส์ คาเมรอน” มีชื่อเต็มว่า “เจมส์ แฟรนซิส แคเมรอน” (James Francis Cameron) เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1954 ศิษย์เก่าจากรั้ว “วิทยาลัยฟูลเลอร์ตัน มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย” ผู้ผลิตภาพยนตร์ ผู้ได้รับฉายาว่าพ่อมดแห่งวงการหนังฮอลลีวูด ด้วยผลงานสร้างชื่ออย่างหนังเรื่อง “ไททานิค” (Titanic) ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1997 นับเป็นภาพยนตร์เพียงไม่กี่เรื่อง ที่ผู้กำกับอย่างเจมส์ คาเมรอน ทุ่มเทผลงานทั้งกายและใจ
ย้อนกลับไปเมื่อ ปี ค.ศ. 1995 หรือสามปีก่อนหนังเรื่องไททานิคฉาย “เจมส์ แฟรนซิส แคเมรอน” ได้เคยทำการดำน้ำเพื่อทำการสำรวจและเก็บภาพถ่ายซากเรือไททานิค ณ จุดเกิดเหตุใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ในระดับความลึก 3,962.4 เมตร หรือประมาณ 13,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล สำหรับการนำข้อมูลภาพมาประกอบการสร้างหนังที่กำลังจะฉายในปี ค.ศ. 1997
โดยให้เหตุผลว่าต้องการนำภาพมาใส่ในหนังเพื่อเพิ่มความสมจริง ทั้งนี้เคยมีข้อมูลรายงานเสริมว่ าเจมส์ ได้ทำการดำน้ำขึ้นลงระหว่างเรือแม่และซากเรือไททานิก มากถึง 12 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทตั้งใจจริงของผู้กำกับท่านนี้ ที่ต้องการรังสรรค์ผลงานให้ออกมาสมจริงและสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่โลกภาพยนตร์ยุคนั้นสามารถทำได้
ภายหลังที่ “เจมส์ แฟรนซิส แคเมรอน” ประสบความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค ในปี ค.ศ. 1997 จากนั้นสี่ปีต่อมา เขายังคงไม่ลดละความพยายามที่จะทำการสำรวจซากเรือไททานิคครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2001 เพื่อโปรเจ็กต์ถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “Ghosts of the Abyss” ชื่อภาษาไทยว่า “พลิกตำนานรักทะเลลึก” และดำน้ำสำรวจซากเรือ “อาร์เอ็มเอส ไททานิก” (RMS Titanic) ในหนังสารคดีเรื่อง “Last Mysteries of the Titanic” ในปี ค.ศ. 2005
รวมจำนวนการดำน้ำเพื่อสำรวจเรือไททานิคทั้งหมด 33 ครั้ง โดยใช้เวลาในการสำรวจซากเรือเฉลี่ยนสูงสุด 17 ชั่วโมงโดยประมาณ
จากปริมาณการสำรวจซากเรือไททานิคของ “เจมส์ คาเมรอน” ทำให้มีสื่อต่างประเทศเคยให้ข้อมูลว่า ผู้กำกับท่านนี้ใช้เวลาอยู่กับซากเรือไททานิคยาวนานทุบสถิติของ กัปตันเอ็ดเวิร์ด สมิธ (Edward Smith) และผู้โดยสารลูกเรือคนอื่น ๆ เมื่อปี ค.ศ. 1912 อีกด้วย
ประวัติการสำรวจ Challenger Deep ของ “เจมส์ คาเมรอน”
อย่างไรก็ดี ความชื่นชอบโลกใต้ทะเลและการสำรวจของ เจมส์ คาเมรอน ไม่เคยจางหายไปเลยแม้แต่น้อย เขาได้พาตัวเองเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความท้าทายอีกครั้ง! โดยโครงการครั้งนี้ได้ร่วมกับทีมงาน เนชั่นแนล จีโอกราฟิก (National Geographic) ในชื่อโปรเจ็กต์เรือว่า “Deepsea Challenge 3D” เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2012
Deepsea Challenge 3D เป็นผลงานสารคดีการเดินทางสำรวจใต้ทะเลในรูปแบบ 3 มิติ ที่เจมส์จะต้องนั่งเรือดำน้ำแคปซูล ขนาดเพียง 24 ฟุต สู่ความลึกใต้มหาสมุทร ณ บริเวณ “แชลเลนเจอร์ดีป” (Challenger Deep) หรือ จุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลกเท่าที่มีบันทึกการค้นพบ มีความลึกอยู่ที่ 35,787 ฟุต