แถลงปิดคดีน้องต่อ เด็ก 8 เดือน “บิ๊กโจ๊ก” แจงเหตุไม่พบร่าง-นิ่ม ไม่ได้เป็นโรคจิต
บิ๊กโจ๊ก แถลงข่าว สรุปคดีน้องต่อ เด็ก 8 เดือน หายตัวปริศนาที่นครปฐม นิ่ม แม่เด็กจำนนต่อหลักฐานสารภาพสิ้นเด็กเสียชีวิตก่อนนำไปทิ้ง ยืนยันแม่ไม่ได้มีอาการทางจิต ย้ำแม้ไม่พบร่างแต่เอาผิดผู้ต้องหาได้หมด
22 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการแถลงข่าว ปิดคดีการหายตัวไปของ น้องต่อ ด.ช.ต่อศักดิ์ อายุ 8 เดือน ซึ่งถูก นางสาวพิไลภรณ์ หรือ นิ่ม อายุ 17 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งภายหลังรับสารภาพกับ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้แถลงปิดคดีในวันนี้ว่า
ตัวเธอเองได้อุ้มน้องต่อ แล้วมิได้ระมัดระวัง เป็นเหตุให้น้องต่อร่วงกระแทกพื้นจนถึงแก่ความตาย ตนจึงได้นำร่างของน้องต่อไปไปทิ้งที่บริเวณแม่น้ำท่าจีน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบภายในแม่น้ำท่าจีน รวมถึงขุดลอกแม่น้ำเป็นระยะทางมากกว่า 10 กม. แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.พิไลภรณ์ และนายสิทธิโชค หรือ “พุด” แฟนหนุ่มของนิ่ม รวมทั้งผู้ต้องสงสัยไปตรวจเปรียบเทียบพบว่า ดีเอ็นเอของนายสิทธิโชคไม่ตรงกับน้องต่อ จึงได้สืบสวนเพิ่มเติมจนพบข้อเท็จจริงว่า นายสิทธิโชค ได้มีการพาเอา น.ส.พิไลภรณ์ ไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ
โดยมีผู้ซื้อบริการจำนวน 1 ราย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี จากผลการสืบสวนทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 4 ราย ประกอบด้วย
- น.ส.นิ่ม อายุ 17 ปี ดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, กระทำใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรเสร็จสิ้น และรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน
- นายพุด อายุ 19 ปี ดำเนินคดีฐาน เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งหญิงอายุ 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไป ชักพาฯ
- นายสุรชัย อายุ 55 ปี ดำเนินคดีฐาน กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
- นายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี ดำเนินคดีฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วยเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวสรุปิดคดี โดยระบุ หลังจากแม่เด็กให้การสารภาพจนสิ้นข้อสงสัย ทำให้วันนี้สามารถทราบข้อเท็จจริงได้แล้วว่า “เด็กเสียวีชิต” และทราบสาเหตุที่เสียชีวิตว่าเพราะอะไร รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐาน การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยาทั้งหมด คดีนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำในการแถลงข่าววันนี้ด้วยว่า แม้ถึงตอนนี้จะไม่พบร่างเด็ก แต่ต้องเข้าใจว่าในพื้นที่ดังกล่าวสภาพแวดล้อมมีสัตว์เลื้อยคลานซึ่งก็อาจเป็นไปได้ที่จะกัดกินร่างไปหมด อย่างไรก็ตาม การไม่พบร่างไม่ได้หมายความว่าจะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ต้องหาไม่ได้ เพราะพยานหลักฐานบ่งชี้ทั้งหมด พยานแวดล้อม ขอให้สังคมสบายใจและเชื่อมั่น
“วันนี้ที่จัดให้มีการแถลงข่าวก็เพื่อจะแถลงข่าวปิดคดีเพื่อยตุิการค้นหา เตรียมที่จะสรุปสนำวนคดีทั้งหมดส่งต่ออัยการ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว โดยหลังสิ้นเสียงชี้แจงดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า การไม่พบร่างเด็กแม้แต่เสื้อผ้าจะมีผลต่อการดำเนินคดีหือไม่ ?
ทางด้าน รอง.ผบ.ตร ซึ่งเข้ามารับผิดชอบคดีนี้โดยตรงก็ตอบชัดเจนว่าสามารถดำเนิคดีได้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนยังมีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกที่นำมารวมอยู่ในสำนวนการสอบสวนเพื่อเอาผิดในกระบวนการในชั้นศาลต่อไป.