ศาลพิพากษาจำคุก ‘วรุธ สุวกร’ อดีต กก.ผจก.ใหญ่ทีโอที 20 ปี
ศาลพิพากษาจำคุก วรุธ สุวกร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที 20 ปี คดีทุจริตลักไก่ อนุมัติจ่ายเงินไอ-โมบาย 1,485 ล้าน
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษานาย วรุธ สุวกร อดีตกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งรักษาการกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทำให้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหาย โดยจำเลยเป็นพนักงานตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือ หน่วยงานของรัฐ ฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 14 ม.ค.63 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ควบรวมกิจการเป็นบริษัทเดียว ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535
โดยใช้ชื่อว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จํากัด (มหาชน) จึงรับไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 152 และมาตรา 153 และมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 3 และ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561มาตรา 4
ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.-13 ต.ค.2551 เวลากลางวันต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน จําเลยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ให้ไปเจรจากับ บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2550 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถูกบริษัทดังกล่าวฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เรื่องผิดสัญญาและเรียกร้องเงินจํานวน 2,648,771,009 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินนับถัดจากวันฟ้อง
จำเลยซึ่งเป็นพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ และรักษาทรัพย์ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัททีโอที จํากัด (มหาชน) หรือโดยทุจริตโดย จําเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 1,476 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเกินกว่า วงเงิน 10 ล้านบาทที่จําเลยมีอำนาจอนุมัติได้ ทั้งไม่เข้าข้อยกเว้นตามคำสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที และจำเลยมิได้ขออนุมัติการจ่ายเงินดังกล่าว จากที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ทำให้บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ได้รับชำระเงินค่าเสียหายไปเป็นจำนวนเกินกว่าที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ควรต้องจ่าย
การกระทำของจำเลย จึงเป็นการใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และเป็นการใช้อำนาจในหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน ค่าเสียหายจำนวน 525,370,000 บาท เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้โจทก์ได้ขอให้ลงโทษจําเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3,8 และ 11 ระหว่างพิจารณา บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องขอให้จำเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องเป็นเงินจำนวน 525,370,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จําเลยให้การปฏิเสธอ้างว่า จำเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัท สามารถไอ-โมบาย จํากัด (มหาชน) โดยเป็นไปตามผลการเจรจาของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและกำหนดแนวทางที่นำเสนอมา และมติที่ประชุมของคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ในการประชุมครั้งที่ 19/2551 เมื่อ ให้อำนาจจําเลยอนุมัติจ่ายเงินตามฟ้องได้เนื่องจากเป็นเรื่องการบริหารจัดการ สัญญาของฝ่ายบริหาร
ทั้งเป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่ยกเว้นให้จำเลยมีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินได้เกินกว่า 10 ล้านบาทตามคำสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอทีที่ 29/2546 และจำเลยไม่จำต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) พิจารณา อนุมัติจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว เพราะตามมติที่ประชุมที่19/2551 ข้างต้นให้อำนาจจำเลยไว้แล้วกับตามคำสั่ง บมจ.ทีโอที ที่ ส.10/2561 เรื่องผลการสอบสวนผู้รับผิดทางแพ่งสรุปว่าการจ่ายเงิน ตามฟ้อง จําเลยไม่มีความผิดทางแพ่ง จําเลยจึงมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง และไม่ต้องรับชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้อง
ทางไต่สวนพยานหลักฐานจากการพิจารณาของศาลประกอบรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้ร้อง เป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.วิธีการ งบประมาณ พ.ศ. 2502มาตรา 3 และตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 4 เมื่อวันที่13 ต.ค.51 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 1,476 ล้าน บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามการอนุมัติของจำเลย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่อนุมัติจ่ายเงินดังกล่าวเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องคดีนี้ฟังได้ว่าจำเลยอนุมัติสั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน จำนวน1,476 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเกินกว่า 10 ล้านบาท จำเลยจึงต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เสียก่อน เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันในสัญญาตามคำสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 19/2546 ข้อ 2.1 และ 2.5 เมื่อพิจารณาจากคำฟ้องคดีแพ่งเป็นการฟ้องเรียกให้บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) ชำระเงินให้แก่ บริษัทสามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)
จากการผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย กรณีจึงไม่อาจเป็นการเจรจาหาข้อยุติเพื่อที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันในสัญญาได้ที่จะเป็นข้อยกเว้นตามคำสั่ง คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 29/2546 ข้อ 2.1 และ 2.5 ได้ ทั้งการที่นํายอดเงินจํานวนเต็มตามฟ้องในคดีแพ่งมาเป็นหลักในการเจรจาต่อรองจึงเท่ากับเป็นการยอมรับว่าบริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) เป็นฝ่ายผิดสัญญาและยอมรับผิดเต็มตามฟ้อง นอกจากนี้การเจรจาของคณะกรรมการเพื่อพิจารณา กำหนดแนวทางก็มิได้ปฏิบัติตามความเห็นที่เป็นข้อสังเกตของที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ครั้งที่ 19/2551 ประกอบกับจำเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จํากัด (มหาชน) ในวันที่ 13 ต.ค.51 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 เดือนตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ครั้งที่ 19/2551 กำหนดไว้
นอกจากนี้ก่อนและหลังจำเลยอนุมัติให้จ่ายเงินแก่บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ได้มีการคัดค้านจากบุคคลภายในหน่วยงานของจําเลยหลายครั้ง โดยเฉพาะมีการยกเลิกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เพราะฝ่ายการเงินและบัญชีคัดค้านเรื่องอำนาจจ่ายเงินของจำเลย แต่จำเลยก็ยังอนุมัติให้มีการจ่ายเงินดังกล่าว โดยไม่หารือหรือขอความคิดเห็นจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตอบข้อหารือหรือนำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการบริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) เพื่อแสดงให้เห็นว่าจําเลยได้ใช้ความละเอียดรอบคอบในการตัดสินใจอนุมัติวงเงิน ซึ่งเป็นจำนวนมากถึง 1,476 ล้านบาท
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ได ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กับเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือโดยทุจริต ส่วนข้อที่จำเลยให้การและนำสืบปฏิเสธมา ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ทั้งการที่จำเลยเบิกความว่าขอขยายระยะเวลา 1 เดือน ด้วยวาจากับคณะกรรมการ บมจ.ทีโอทีแล้วนั้น ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณามาก่อนจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเช่นกัน
พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบรับฟังได้ว่า จําเลยกระทําความผิดตามฟ้อง และต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้ร้องพร้อมดอกเบี้ยตามคำร้อง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 จำคุก 20 ปี กับให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องเป็นเงินจํานวน 1,062,147,006.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงิน จำนวน 525,370,000 นับถัดจากวันที่ 15 ธ.ค.2565