ติดตามดราม่าล่าสุด เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เปิดเงื่อนไขต่อสัญญาศิลปินในค่าย ยอดวิวไม่ถึงให้ขายครีม งานนี้ชาวเน็ตเสียงแตก ทั้งวิจารณ์ยับทำนาบนหลังคน ทั้งให้กำลังใจ มองว่าเปิดโอกาส
เกิดดราม่าขึ้นอีกจนได้ โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นักร้อง นักแต่งเพลง และเจ้าของค่ายเพลง DM ได้โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เล่าสรุปการประชุมและสถานการณ์ล่าสุดของศิลปินในค่าย DM ซึ่งจะมีทั้งศิลปินที่ต่อสัญญา และกำลังจะหมดสัญญาในเดือนพฤษภาคมปีนี้
โดยจินนี่เล่าว่าตนจะลงทุนเงิน 1 ล้านบาท เพื่อทำเพลงรวมศิลปิน โดยหากยอดวิวถึง 10 ล้านก่อนศิลปินหมดสัญญา เจนนี่จะต่อสัญญาให้ทันที 1 ปี แต่กรณีที่ยอดวิวไม่ถึง ทางเจนนี่ได้เสนอให้ศิลปินไลฟ์ขายครีมเพื่อแลกกับการต่อสัญญา
“สำหรับใครที่ไม่ได้ดูไลฟ์ใน TikTok นะคะ เจนนี่ขออนุญาตสรุปบันทึกการประชุมของศิลปินชายค่าย DM ณ วันนี้นะคะ นั่นก็คือน้อง ๆ ทั้ง 8 คน ซึ่งจะมีน้อง 5 คนที่สัญญาจะหมดภายในเดือนพฤษภาคมนี้นะคะ ยกเว้นน้องโฟน น้องทน น้องพีทที่สัญญาต่ออีก 1 ปี
เจนนี่สรุปก็คือ เดี๋ยวเราจะทำเพลงใหม่ ซึ่งจะทำรวมกัน 8 คนใน 1 เพลง เจนนี่จะลงทุนทั้งหมด 1 ล้านบาท ให้โอกาสน้อง ๆ อีกหนึ่งครั้ง ถ้ายอดวิวภายใน 2 เดือนก่อนสัญญาจะหมด (เมษายน-พฤษภาคม) ถึง 10 ล้านวิว เจนนี่จะต่อสัญญาทันที 1 ปีนะคะ
และอีกหนึ่งช่องทาง สมมติว่ายอดวิวมันยากมาก ตอนนี้เจนนี่เปิดแบรนด์ของตัวเอง ก็คือ DD Jenny อันนี้เป็นโบนัสพิเศษ
ถ้าน้อง ๆ ขายได้หนึ่งหมื่นหลอด ช่วยกันขายภายในสองเดือนนี้ ต่อสัญญา 3 เดือน ถ้าขายได้หกหมื่นหลอด ต่อสัญญา 6 เดือน ถ้าขายได้หนึ่งแสนหลอด ต่อสัญญา 1 ปี และเจนนี่จะให้น้อง ๆ ออเดอร์ละ 50 บาท โดยที่น้อง ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ จบการประชุม”
ใต้โพสต์ดังกล่าวของเจนนี่ ได้มีความคิดเห็นจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งชาวเน็ตที่เข้าใจ เป็นกำลังใจให้ มองว่าเป็นช่องทางทำมาหากินอื่นที่เจนนี่มอบให้ศิลปินในค่าย รวมถึงชาวเน็ตที่มองว่าเงื่อนไขของเจนนี่เป็นการเอาเปรียบ
“เห็นด้วยค่ะ เราไม่สามารถดูแลเค้าไปตลอด หัดขายออนไลน์ไม่ต้องลงทุนสักบาท ร้องเพลงไม่ใช่จะประสบความสำเร็จทุกคน”, “ยากมาก10ล้าน2เดือน”, “สัญญาเหมือนทำนาบนหลังคนรึป่าว ยอดวิวจะดี ไม่ดี มันอยู่กับคนแต่งเพลง ว่าจะติดหูคนฟังรึป่าว เค้าขายเสียง จะให้เค้ามาขายครีมด้วย ตรรกะ อะไร”,
“เยี่ยมเลยค่ะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยหารายได้ ให้อีก”, “มีแต่ได้กับได้น่ะ ที่ฟังดู 💕 เจนนี่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว และใครที่มองว่าคิดแบบนี่เป็นการเอาเปรียบ ก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องต่อสัญญาค่ะ จะได้ไม่อึดอัดใจ”, “ก็ดีนะถ้าไม่มีเพลงก็ค้าขายอะไรก็ได้ที่ทำให้มีรายได้ให้รอด”
ต่อมาสาวเจนนี่ เจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ได้ออกมาตอบคำถามชาวเน็ตว่าทำไมตนทำค่ายเพลงแล้วยังต้องทำแบรนด์ออนไลน์อีก โดยเจนนี่ชี้แจงว่า ตนทำค่ายเพลงต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลศิลปิน รวมถึงการทำผลงานให้ดังในยุคนี้ค่อนข้างยาก
โดยตัวของเจนนี่มองว่าจะมารอแต่ขึ้นร้องเพลง ขึ้นคอนเสิร์ตอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องหาอาชีพเสริมอื่น ซึ่งตนเลือกที่จะขายของออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้น้อง ๆ ในค่ายได้รู้จักวิธีเอาตัวรอดด้วยเช่นกัน
“ทำไมทำค่ายเพลงแล้วทำไมยังหันมาทำแบรนด์ขายของออนไลน์ ‼️
เพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน การเลี้ยงดูน้องๆ จำเป็นต้องมีค่ากิน ค่าใช้ มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทำเพลง ทำ MV และค่าอื่นๆอีกมากมาย ทำค่ายเพลงซีซั่นนี้ บอกทุกคนเสมอว่าไม่ต้องการกำไรเลย ขอแค่มีเงินมาหมุนทุนบ้างก็พอ
ปีนี้ยอมรับ เจ็บหนัก เพลงของค่ายทุกเพลงยอดวิวน้อยมาก ซึ่งแน่นอนการทำผลงานจะให้ดังเหมือนเมื่อก่อนมันไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้น เจนนี่ต้องหาเงินจำนวนมากเพื่อมาซัพพอร์ตน้องๆ ให้เค้าได้มีผลงาน มีประสบการณ์เพื่อนำไปใช้ในยามที่เค้าหมดสัญญา
และอย่าลืมว่ามากกว่าศิลปินในค่าย เจนนี่ยังมีลูกมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู เพราะฉะนั้นเจนนี่จะมารอแค่งานคอนเสิร์ตงานร้องเพลงไม่ได้ โลกเปลี่ยนไปแล้ว การขายออนไลน์เป็นอีก 1 ทางเลือกที่เราสามารถทำได้
ไม่ใช่แค่เจนนี่ น้องๆเองก็เช่นกัน วันนึงไม่มีงานร้องเพลง เราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด ไม่ทำอาชีพเสริมอย่างใดก็อย่างนึง อย่าลืมว่าการจะดัง จะมีงานไม่ใช่เรื่องง่าย ระยะเวลา 1 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเทียบกับศิลปินรุ่นพี่ยุคก่อนๆค่ะ
และเจนนี่ต้องขอขอบคุณกระแสตอบรับที่ของสินค้าเจนนี่ เปิดตัววันแรกของติดจองหมดเกลี้ยง ซึ่งกำไรก้อนแรกที่เจนนี่ได้จากการขายของในครั้งนี้ จะมาสร้างผลงานให้น้องศิลปินชายของค่ายในโปรเจ็ค 8 หนุ่ม ได้หมดถ้าสดชื่นค่ะ
สู้กันอีกตั้งก่อนหมดสัญญา เจ้าภาพท่านไหนสนใจติดต่องาน น้องๆ 10 คิวแรก เราไปแสดงฟรี เจนนี่ออกค่าใช้จ่ายให้เองทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ💕
#เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น
#เจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น
#เจ้าของแบรนด์ดีดีเจนนี่”
