ชัชชาติ ยื่นขอ งบประมาณ กทม. 9,999 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและซ่อมแซมถนน และใช้แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 6 ด้าน
นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ ถึงการยื่นร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่เสนอให้มีการพิจารณาต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร โดยมี นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย นั่งเป็นประธานสภา กทม. พร้อมด้วยฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร มีผู้เข้าร่วมได้แก่ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครทั้งคณะ ทีมที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. ตลอดจนเลขานุการผู้ว่าฯกทม. ร่วมประชุม
ผู้ว่าชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานครเหลืออยู่ และมีโครงการเร่งด่วนที่จำเป็น เพื่อสนองความต้องการของประชาชน จึงเสนอตั้งงบประมาณเป็นจำนวน 9,999,312,010 บาท เพื่อซ่อม สร้าง ฟื้นฟูและเยียวยาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
และจากการเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของ กทม. ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านพัฒนาสังคมและชุมชนเมือง ด้านสาธารณสุขและการรจัดบริการของสำนักงานเขต ตามความจำเป็นที่หน่วยงานเสนอ
ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องสำนักงานโยธาและสำนักระบายน้ำ ซึ่งมาจากการผลกระทบน้ำท่วมที่ผ่านมา รวมทั้งงานโครงสร้างต่าง ๆ ที่ไม่ลงพื้นที่เขตเยอะ โดยเฉพาะฝั่งกรุงเทพตะวันออก จะมีงบประมาณมากขึ้นเนื่องจากประชาชนขยายไปอยู่อาศัยมากขึ้น เช่น มีนบุรี คลองสามวา ลาดกระบัง เป็นต้น
นายชัชชาติกล่าวอีกว่าปัจจุบัน ฐานะการเงินการคลัง ของ กทม. ณ วันที่ 27 ม.ค. 2566 กทม. มีเงินฝากธนาคารเป็นเงินจำนวน 91,685.62 ล้านบาท นอกจากนี้ กทม.ยังมีภาระหนี้ตามโครงการต่อเนื่องที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 213 โครงการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 76,406.44 ล้านบาท
นอกจากนี้นายชัชาติยังระบุอีกว่า รายงานฐานะเงินสะสม ประจำปีงบฯ พ.ศ. 2566 พ.ศ. …. ณ วันที่ 27 ม.ค.2566 เงินสะสมยกมาต้นปีงบฯ 1 ต.ค.2565 เป็นเงิน 78,445.20 ล้านบาท หักเงินไว้กันเบิกเหลื่อมปี 16,821.45 ล้านบาท หักภาระผูกพันที่ทำให้ยอดเงินสะสมลดลง 19,308.90 ล้านบาท หักคาดการณ์การใช้เงินสะสม 10,600.00 ล้านบาท บวกคาดการณ์รับชดใช้เงินยืนสะสม 5,128.80 ล้านบาท คงเหลือเงินสะสมที่ปลอดภาระผูกพัน 38,643.65 ล้านบาท คณะกรรมการจัดทำรายจ่ายประจำปี มีมติที่ประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 เห็นชอบกรอบวงเงินไม่เกิน 9,999.31 ล้านบาท
