จัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน 2567 เคล็ดลับไหว้เทพ-บรรพบุรุษ ทำแล้วโชคดีตลอดปี
ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลฉลองปีใหม่ของชาวจีน “วันตรุษจีน 2567” แน่นอนว่าชาวไทยเชื้อสายจีนหลาย ๆ ท่านก็คงจะกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมจัดเตรียมของไหว้เจ้าใน วันไหว้ตรุษจีน 9 กุมภาพันธ์ 2567
บางคนอาจจะยังมือใหม่ เพิ่งจัดเตรียมงานเทศกาลตรุษจีนด้วยตัวเองปีนี้เป็นครั้งแรก ประกอบกับยุคสมัยที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีแบบนี้ บ้านชาวจีนหลายครอบครัวคงกังวลว่าจะจัดโต๊ะไหว้เจ้าอย่างไรให้ประหยัดงบที่สุด แต่ก็เป็นที่พึงพอใจสมฐานะเทพเจ้าทุกองค์
ดังนั้นวันนี้เดอะไทยเกอร์จึงรวบรวมเคล็ดลับสำหรับวิธีไหว้ตรุษจีนมาฝากทุกคนกันด้วย เริ่มตั้งแต่การเลือกของไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ผีสัมภเวสี รวมไปถึงวิธีการจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนตรงตามศาสตร์และความเชื่อของชาวจีนโบราณ รับรองว่าถ้าทำตามนี้จะโชคดี รับทรัพย์เฮง ๆ ทั้งปีอย่างแน่นอน
จัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน 2567 ถูกหลักตำราจีนโบราณ
วิธีการจัดโต๊ะสำหรับไหว้ตรุษจีนนั้น อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละตระกูล ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ไหว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีลำดับขั้นตอนในการวางของไหว้คล้าย ๆ กันดังนี้
1. จัดโต๊ะไหว้ให้ตั้งอยู่หน้าเทวรูปหรือแท่นบูชา
2. วางกระถางธูปไว้ด้านหน้าสุด และวางเชิงเทียนประกบซ้าย-ขวาของกระถางธูป
3. วางโถกำยานหน้ากระถางธูป และวางแจกันดอกไม้ไว้ฝั่งซ้าย-ขวาของโถกำยาน แต่อย่าให้บังเชิงเทียน ถ้าไม่มีโถกำยานแนะนำให้วางแจกันดอกไม้ขนาบเชิงเทียน
4. วางถ้วยน้ำดื่มหน้าโถกำยาน
5. วางถ้วยน้ำชาหรือถ้วยเหล้าหน้าถ้วยน้ำดื่ม
6. วางเซ็ตซาแซหรือโหงวแซ หน้าถ้วยน้ำชาหรือถ้วยเหล้า พร้อมด้วยข้าวสวยพูนถ้วย 2 ถ้วย
7. หากมีกับข้าวด้วยให้วางไว้ด้านหลังเซ็ตซาแซ/โหงวแซ โดยหันหน้าไปทางทิศเดียวกัน
8. วางสำรับของหวานและผลไม้หน้าเซ็ตซาแซ/โหงวแซ
9. วางกระดาษเงินกระดาษทองไว้ใต้ถาดอาหารหวานเป็นอย่างสุดท้าย
ของไหว้ตรุษจีน รสชาติอร่อย ความหมายมงคล
สำหรับของไหว้ตรุษจีนจะประกอบไปด้วยอาหารหลัก 3 อย่าง ได้แก่ อาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นน้ำเปล่า น้ำชา และเหล้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารหลักจะจัดเครื่องไหว้ตามจำนวนบรรพบุรุษแต่ไม่น้อยกว่า 3 ชุด ส่วนเครื่องดื่มจะจัดตามจำนวนบรรพบุรุษแต่ไม่เกิน 5 ถ้วย (ชา 5 ถ้วย / เหล้า 5 ถ้วย)
อาหารคาว
สำหรับเมนูอาหารคาวที่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ 3 อย่าง จะเรียกว่า “ซาแซ” แต่ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ 5 อย่าง จะเรียกว่า “โหงวแซ” โดยเนื้อสัตว์ชนิดหลักก็จะมีหมู เป็ด ไก่ ปลา/อาหารทะเล และตับ
สำหรับการจัดเซ็ตเมนูอาหารคาวเพื่อไหว้ตรุษจีนนั้น จะเน้นไปที่หมู (ส่วนสะโพกติดหนัง) เป็ด และไก่ โดยการนำสัตว์เหล่านั้นไปต้มทั้งตัว เพราะชาวจีนเชื่อว่าหากไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษด้วยสัตว์ทั้งตัวก็ยิ่งทำให้ชีวิตอุดมสมบูรณ์มากขึ้น หากครอบครัวไหนที่ต้องการประหยัดงบ ก็สามารถนำซาแซหรือโหงวแซมาปรุงอาหารเป็นจาน ๆ แล้วจัดสำรับขึ้นโต๊ะไหว้ก็ได้เช่นกัน
อาหารหวาน
สำหรับอาหารหวาน หรือ ขนมไหว้ตรุษจีน จะมีเพียงไม่กี่ชนิด แต่ทุกเมนูล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความหมายมงคลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสื่อถึงเรื่องเงินทอง โชคลาภ และความมั่งคั่งก็ตาม ทั้งนี้ก็อย่าลืมจัดสำรับขนมหวานให้เข้าคู่กับอาหารคาวด้วยล่ะ
ผลไม้
ปิดท้ายกันไปที่ผลไม้สำหรับจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน เช่นเดียวกับขนมหวาน ผลไม้ที่นำมาไหว้เทพเจ้าหรือบรรพบุรุษย่อมต้องประกอบไปด้วยความหมายมงคล เพื่อส่งเสริมบารมีให้แก่ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของผู้ไหว้
ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปดูลิสต์รายชื่ออาหารมงคลสำหรับเตรียมของไหว้วันตรุษจีนกันได้ที่ >> ของไหว้วันตรุษจีน <<
พิธีไหว้เจ้า-บรรพบุรุษ-สัมภเวสี ในวันไหว้
หลังจากจัดโต๊ะสำรับอาหารพร้อมแล้ว ในช่วงวันไหว้ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 ลูกหลานชาวจีนก็จะเริ่มทำพิธีไหว้ตลอดทั้งวัน โดยจะแบ่งเวลาการไหว้เป็น 4 ช่วงเวลา ดังนี้
ช่วงเช้า-ไหว้เทพเจ้าและเจ้าที่
สำหรับการไหว้เทพเจ้าและเจ้าที่ในช่วงเช้าส่วนใหญ่จะเริ่มไหว้เวลา 06.00-07.00 น. โดยใช้ธูป 5 ดอก ในการไหว้เจ้าที่ตี่จู่เอี๊ย ส่วนเจ้าที่องค์อื่นใช้ธูป 3 ดอก เทพารักษ์ดูแลประตูใช้ธูป 2 ดอก (ปักจากซ้ายไปขวา)
หลังจากปักธูปเสร็จให้เริ่มทำการไหว้เทพเจ้า เจ้าที่ต่าง ๆ ตามลำดับ จากนั้นจึงไหว้เทพารักษ์ประตูเพื่อขอเปิดทางให้วิญญาณของบรรพบุรุษ และอย่าลืมขอพรให้ปีใหม่นี้มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาสู่ชีวิตของทุกคนในตระกูล
ช่วงสาย-ไหว้บรรพบุรุษญาติที่ล่วงลับ
สำหรับการไหว้บรรบุรุษและญาติที่ล่วงลับไปแล้ว จะเริ่มไหว้ในช่วงเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. แต่ห้ามไหว้บรรพบุรุษเกินเวลา 12.00 น. โดยการไหว้บรรพบุรุษจะใช้ธูป 3 ดอก และให้ผู้อาวุโสเป็นคนจุดธูปก่อนเสมอ
การไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีนนั้นเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู และเป็นการระลึกถึงบรรดาญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวจีนอย่างมากในการกตัญญุรู้คุณต่อผู้ให้กำเนิดวงศ์ตระกูลของตนเอง
ช่วงบ่าย-ไหว้ให้ทานผีสัมภเวสี
สำหรับการไหว้สัมภเวสีเพื่อให้ทานนั้นจะเริ่มทำตั้งแต่ช่วงเวลา 14.00-16.00 น. โดยตั้งสำรับอาหารคาว-หวาน แยกกับของที่ใช้ไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ โดยต้องปูเสื่อที่พื้นนอกตัวบ้าน จากนั้นก็วางสำรับอาหารหันออกนอกตัวบ้าน
เครื่องดื่มให้ใช้เป็นน้ำเปล่าและเหล้าแบบขวดเท่านั้น เมื่อจะทำการไหว้สัมภเวสีให้ผู้ไหว้จุดธูป 1 ดอกแล้วยืนไหว้ เมื่อไหว้เสร็จให้เก็บของ จากนั้นก็สาดเกลือกับข้าวสารให้ทั่วบริเวณที่ตั้งของไหว้ สุดท้ายแล้วให้จุดประทัดไล่สิ่งชั่วร้าย
ช่วงดึก-ไหว้เทพเจ้าโชคลาภ
สำหรับการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (เทพไฉ่ซิงเอี๊ย) สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันไหว้ (21 มกราคม 2566) แต่ต้องไม่เกินเวลา 01.00 น. ของวันเที่ยวหรือวันตรุษจีน (22 มกราคม 2566) โดยการไหว้องค์เทพไฉ่ซิงเอี๊ยจะใช้ธูป 5 ดอก
การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภให้ทำพิธีและจัดโต๊ะบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หากต้องการเรียกทรัพย์เรียกโชคคนจีนจะถือเคล็ดนำกระเป๋าใส่เงินใบใหม่มาวางร่วมโต๊ะบูชาด้วย รวมถึงสมุดบัญชี เหรียญและธนบัตรเพื่อทำเป็นเงินขวัญกระเป๋า
ทั้งนี้การจัดโต๊ะบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยนั้นจะมีความแตกต่างจากการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ในช่วงเช้า โดยทุกท่านสามารถศึกษารายละเอียดวิธีไหว้เทพแห่งโชคลาภเพิ่มเติมได้ที่ >> วิธีไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย 2566 <<
สำหรับวิธีการไหว้ตรุษจีนจะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่คล้าย ๆ กันในแต่ละครอบครัว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในการไหว้เจ้าไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้า เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ หรือแม้แต่ไหว้สัมภเวสี คือห้ามไม่ให้คนเกิดปีชงเป็นคนเริ่มไหว้คนแรก เพราะคนเกิดปีชงนับว่ายังมีมลทินติดตัวอยู่ หากเริ่มพิธีไหว้ตรุษจีนคนแรกก็จะนำความโชคร้ายไปสู่คนอื่น ๆ ในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อปฏิบัติวิธีไหว้ตรุษจีนที่ดูยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์หลักของการไหว้เทพและบรรพบุรุษในช่วงตรุษจีนคือการแสดงออกถึงความเคารพและความกตัญญู โดยทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นคุณธรรมสูงสุดที่ชาวจีนให้ความสำคัญอย่างมาก แม้ว่าของไหว้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ถ้าทำพิธีไหว้ด้วยใจบริสุทธิ์ อย่างไรเสียก็ย่อมได้รับพรอันประเสริฐจากองค์เทพอย่างแน่อน.