บิวกิ้น พุฒิพงศ์ เปิดใจถึง พีพี กฤษฏ์ เพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อน พูดชัด ผมมีพีพีแค่คนเดียว ยอมรับเคยคลั่งรักมาก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่มาแรงมาในปีนี้ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ล่าสุดหนุ่มบิวกิ้นได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวชีวิตโดยเฉพาะเรื่องความรักผ่านรายการ Woody FM ซึ่งดำเนินรายการโดย วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา พร้อมเอ่ยถึงเพื่อนสุดสนิทอย่าง พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร แถมยังบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เกินคำว่าเพื่อนแต่แทบจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว
เปิดรายการมาปุ๊บ วู้ดดี้ก็ยิงคำถามเรื่องราวความรักใส่บิวกิ้นทันที บิวกิ้นยอมรับว่าตอนมีความรักครั้งแรกตอน ม.3 ตนเป็นคนขี้หึง ยึดติดกับค่านิยม และมองว่ารักคือการครอบครอง แต่พอโตขึ้นมุมมองของเขากลับเปลี่ยนเป็นว่า รักคือการที่ต่างคนต่างให้เกียรติและตีกรอบของตัวเองเพื่อให้เข้ากับอีกคน เป็นความรักที่ทุกคนมีความสุข
นอกจากนี้บิวกิ้นยังเผยตัวตนอีกด้วยว่าเขาคือหนุ่มคลั่งรักคนหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะความรักรูปแบบคนรักเท่านั้น แต่ในครอบครัวของเขาก็แสดงความรักให้กันเป็นปกติอยู่แล้ว
วู้ดดี้ยังถามต่อถึงมุมมองความรักในรูปแบบ LGBTQ+ ซึ่งบิวกิ้นมองว่าคน 100 คน หรือคน 1 ล้านไม่มีใครเหมือนกันสักคน ดังนั้นทุกวันนี้ไม่มีเส้นของคำว่าถูกผิดหรือค่านิยม มีแต่อิสระในการชอบ ทำ และภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นได้ เพียงแต่สิ่งนั้นจะไม่ไปล้ำเส้นของผู้อื่นก็พอ
บิวกิ้นยังบอกอีกมีว่าตนเป็นคนคิดมาก ชอบวางแผนในอนาคตข้างหน้าว่าอยากจะทำอะไร โดยอีกไม่นานหนุ่มบิวกิ้นก็มีแพลนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ สาขา Marketing แม้ว่าจะเป็นการไปเรียนต่อเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่ม แต่ใจจริงบิวกิ้นอยากไปเพื่อใช้ชีวิต ไปเปลี่ยนบรรยากาศนั่นเอง
ต่อกันที่ความสัมพันธ์กับหนุ่มคนสนิทของบิวกิ้นอย่าง พีพี ซึ่งบิวกิ้นก็พูดชัดเลยว่า “ผมมีพีพีคนเดียว” เพราะทั้ง 2 คนรู้จักกันตั้งแต่อายุ 16 ปี และใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน จนกระทั่งเข้ามาทำงานในวงการ ทั้งคู่ก็ยังเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด เข้าใจมุมมองของกันและกัน และยังคิดถึง คิดเผื่อกันตลอด แม้กระทั่งครอบครัวของบิวกิ้นก็ยังมองว่าพีพีคือลูกอีกคนของบ้านเลยทีเดียว
เมื่อถูกถามถึงเรื่องในอนาคต หากบิวกิ้นมีแฟน แต่มีคนติดภาพจำว่าต้องคู่กับพีพี บิวกิ้นจะรับมืออย่างไร ซึ่งบิวกิ้นก็ให้คำตอบว่าทุกเรื่องมักจะมีคนสมหวังและผิดหวัง เพราะทุกสิ่งมันมีมุมมองที่หลากหลาย ตนเองไม่ชอบทำให้ใครผิดหวังหรือเสียใจ จนกระทั่งหนุ่มบิวกิ้นรู้สึกว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตบนความคาดหวังไปอีกนานแค่ไหน เขาจึงเริ่มกลับมาอยู่กับตัวเอง ชัดเจนกับตัวเอง และทำตามหัวใจตัวเองมากขึ้น
ส่วนเรื่องของการทำงานและในฐานะ CEO ของ Billkin Entertainment บิวกิ้นก็ยอมรับว่าตนไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้มาเปิดบริษัทของตนเอง และต้องจากอ้อมอกของนาดาว แต่ในตอนนี้ตนก็เป็นคนที่วางแผนระบบในการรับงาน ขายงาน และสร้างงานให้กับศิลปินในบริษัท
นอกจากเก่งแล้วทัศนคติก็ยังดี แถมมีความรับผิดชอบแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยถ้าหนุ่มบิวกิ้นน่าจะกลายเป็นไอดอลของใครหลายคน.