ประวัติ เศรษฐา ทวีสิน อดีตหัวเรือใหญ่แห่งแสนสิริ ผันตัวจากธุรกิจอสังหาฯ มุ่งหน้าสู่เวทีการเมือง จากแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย สู่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ชวนทำความรู้จัก เศรษฐา ทวีสิน เปิดประวัติอีกด้าน หลังเศรษฐาเปลี่ยนเส้นทางจากนักธุรกิจเจ้าของโครงการหมู่บ้านแสนสิริ มาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ในฐานะ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย และล่าสุดในการโหวตนายกรอบที่ 3 ผลปรากฏว่าเศรษฐา คือผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
หากพูดถึงนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์คนดังของเมืองไทย เชื่อว่าชื่อของ เศรษฐา ทวีสิน จะต้องปรากฏมาเป็นอันดับต้น ๆ แน่นอน ปัจจุบันเศรษฐาอายุ 59 ปี เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 เขามีชื่อเล่นว่า นิด
เศรษฐาใช้ชีวิตแบบนักธุรกิจมาหลายสิบปี เขาเรียนจบระดับปริญญาโท จากสถาบัน Claremont Graduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านบริหารธุรกิจ-การเงิน ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด) ในปี พ.ศ. 2529
ต่อมาเศรษฐาได้เข้ามาดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับลูกพี่ลูกน้อง อภิชาติ จูตระกูล และ วันจักร์ บุรณศิริ ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 จนถึงปัจจุบัน
แบรนด์แสนสิริภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน ถือว่าดำเนินไปได้ด้วยดี โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สามารถทำกำไรได้สูงถึงสองพันล้านบาท รวมถึงผลประกอบการสูงกว่าสองหมื่นเก้าพันล้านบาท
เศรษฐาถือเป็นนักธุรกิจหัวสมัยใหม่ เขามักจะปรับตัวเข้าหาเด็กรุ่นใหม่อยู่เสมอ นอกจากการทำธุรกิจแล้ว เขายังทำโครงการเพื่อช่วยเหลือสังคมอีกด้วย เช่น Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน โครงการช่วยเหลือเด็กชั้นประถมที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาร่วมหมื่นคน, No One Left Behind โครงการช่วยอุดหนุนสินค้าเกษตรกรตามจังหวัดต่าง ๆ โดยนำมาแจกให้ลูกบ้านแสนสิริ รวมถึงช่วยส่งไปเป็นอาหารเลี้ยงช้างอีกด้วย
เศรษฐาถือเป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่ออกมาสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ผ่านทางโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง โดยมีการแสดงจุดยืนทางการเมืองด้วย เช่นในปี 2563 เศรษฐาได้ส่งจดหมายปิดผนึกถึงผู้แทนองค์การยูนิเซฟ เพื่อเรียกร้องให้ยูนิเซฟเน้นย้ำรัฐบาลว่าห้ามใช้กำลังกับผู้ชุมนุม
นอกจากโครงการอสังหาริมทรัพย์แสนสิริแล้ว เศรษฐายังมีชื่อเป็นคณะกรรมการบริษัทอีกร่วม 40 แห่งเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีผลประกอบการรวมแล้วหลายหมื่นล้านบาท โดยหุ้นในแสนสิริที่เศรษฐาถืออยู่ในปัจจุบัน จำนวน 661,002,734 หุ้น คิดเป็น 4.44% ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่ากว่า 707.2 ล้านบาทเลยทีเดียว
ด้านชีวิตครอบครัว เศรษฐาสมรสกับภรรยาชื่อ แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน มีบุตร-ธิดาทั้งหมด 3 คน คือ น้อบ แน้บ และนุ้บ
โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทำให้นายเศรษฐามีอำนาจในการให้คำปรึกษา รวมถึงดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมายให้ได้
นอกจากนี้เศรษฐายังถูกจับตาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อีกหนึ่งคน ที่ถูกเปิดชื่อต่อจาก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัวในช่วงย่างเข้าอายุ 60 ปีของเขา
หลังจากวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ซึ่งในการประชุมสภาเพื่อโหวตลงมติว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะสามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ได้หรือไม่ ผลการลงมติสรุปว่า พิธา ไม่ผ่านการโหวตรอบที่ 2
ทำให้ ณ ตอนนี้หลายสายตาพุ่งเป้าไปที่เศรษฐา เพราะมีความเป็นไปได้ว่า พรรคเพื่อไทย อาจเสนอชื่อของ เศรษฐา ทวีสิน ในการโหวตเลือกนายกคนที่ 30 ของไทย หลังจากที่สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนมือมาเป็นของพรรคเพื่อไทย
ล่าสุดในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งมีการเปิดสภาโหวตนายกรอบที่ 3 ผลปรากฏว่า เศรษฐา ทวีสิน ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว โดยได้รับคะแนนในสภาไปเกิน 374 เสียง ทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยอย่างเป็นทางการ
ขอบคุณข้อมูลจาก : แสนสิริ