แนะนำ The Crown (เดอะ คราวน์) ซีรีส์ตีแผ่ราชวงศ์อังกฤษ ที่สร้างจากเรื่องจริงของพระราชประวัติชีวิต ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
หลังจากเหตุการณ์สวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ก็ทำให้ซีรีส์ The Crown (เดอะ คราวน์) จาก Netflix กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากพระราชประวัติของควีนเอลิซาเบธ รวมถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรในยุคสมัยของพระองค์ ที่ไม่เพียงบอกเล่าประวัติศาสตร์ธรรมดา แต่ยังเจาะลึกไปถึงเรื่องอื้อฉาวภายในราชสำนักด้วย บอกเลยว่าผู้ชมทุกท่านไม่ควรพลาด
The Crown ซีรีส์พีเรียดราชวงศ์วินด์เซอร์จาก Netflix
สำหรับเรื่องราวในซีรีส์เรื่อง The Crown ซีซั่น 1 จะเริ่มต้นขึ้นจากเหตุการณ์พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างควีนเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป ในปี 1947 ไปจนถึงปี 1955 ที่เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตแยกทางกับปีเตอร์ ทาวน์เซนด์
อาจจะดูเป็นไทม์ไลน์ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ยาวนานนัก แต่หากนับเหตุการณ์ในชีวิตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แล้ว ล้วนมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายผ่านเข้ามาในชีวิตของพระองค์นับครั้งไม่ถ้วน
ทั้งปัญหาภายในพระราชสำนัก รวมถึงปัญหาการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ บอกเลยว่าเนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างกระชับฉับไว สนุกสนานเข้มข้น อีกทั้งการแคสต์นักแสดงที่เหมือนด็อพเพิลเก็งเงอร์ของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ยิ่งทำให้คนดูรู้สึกอินกับซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้น
แค่เปิดตัวมาซีซั่นแรก ซีรีส์ The Crown ก็สามารถกวาดคะแนนจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมไปได้อย่างล้นหลาม ส่งผลให้นักแสดงนำหญิงอย่าง แคลร์ ฟอย (Claire Foy) ได้รับรางวัล Emmy Awards สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ติดต่อกัน 2 ปี
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเนื้อเรื่องของ The Crown เริ่มเดินทางเข้าสู่ซีซั่น 2 และ 3 ก็ยิ่งทำให้เราได้เห็นโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรภายใต้การปกครองของควีนเอลิซาเบธที่ 2 มากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ทางผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ปีเตอร์ มอร์แกน (Peter Morgan) ก็ยังขนทัพนักแสดงหญิงดีกรีรางวัลใหญ่มาร่วมรังสรรค์ผลงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น โอลิเวีย โคลแมน (Olivia Colman) จิลเลียน แอนเดอร์สัน (Gillian Anderson) หรือแม้แต่ เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ (Helena Bonham Carter) ก็ยังมาปรากฏตัวในซีรีส์เรื่องนี้
The Crown กับสีสันที่ถูกแต่งแต้มจากหน้าประวัติศาสตร์จริง
แม้กระแสของซีรีส์ The Crown จะดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลกก็ตาม แต่ก็มีกระแสให้ทาง Netflix ขึ้นคำเตือนว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นเท่านั้น เนื่องด้วยกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักรเกรงว่าผู้ชมจะเข้าใจประวัติศาสตร์อังกฤษบิดเบือนไปจากความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม Netflix ก็ปฏิเสธที่จะขึ้นคำเตือนผู้ชม โดยให้เหตุผลว่าผู้ชมของทาง Netflix เข้าใจดีว่าซีรีส์เรื่อง The Crown เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นโดยอิงจากประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษเท่านั้น
ทั้งนี้ทาง ปีเตอร์ มอร์แกน (Peter Morgan) ก็ได้ยอมรับด้วยตัวเองว่าเขาเพิ่มสีสันลงไปในเนื้อเรื่องเพื่อให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูเป็น “ละคร” มากขึ้น แต่ก็ยังคงอิงเนื้อหาจากประวัติศาสตร์จริงอยู่ แม้บางเหตุการณ์จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันใด ๆ ก็ตาม
แต่ก็ต้องขอยอมรับว่า อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นหิ้งแนวพีเรียดดราม่า ก็คงมาจากคอสตูมที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้เหมือนกับภาพในประวัติศาสตร์แบบเป๊ะ ๆ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย ๆ อย่างโทนเมกอัพที่สมจริง จนต้องขอชื่นชมทีมงานของซีรีส์เลยทีเดียว
ตามแพลนแล้วซีรีส์ The Crown วางแผนไว้ว่าจะถ่ายทำออกมาเพียง 6 ซีซั่นเท่านั้น โดยล่าสุดก็ได้ฉายซีซั่น 4 ผ่านทางสตรีมมิ่ง Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนข่าวคราวของซีซั่น 5 นั้นจะมีกำหนดฉายทาง Netflix ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 นี้
ทั้งนี้ จากข่าวการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าจะมีผลต่อการขยับขยายเนื้อหาของซีรีส์ด้วยหรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป เพราะเหตุการณ์ที่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคตนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษ และยังถือเป็นเรื่องราวของตัวละครหลักในซีรีส์ The Crown อีกด้วย
เพราะแต่เดิมซีรีส์ The Crown จะดำเนินเรื่องถึงเพียงแค่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 เท่านั้น หากใครสนใจซีรีส์ดราม่าพีเรียดอิงประวัติศาสตร์จริง ก็สามารถรับชมเรื่อง The Crown ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
