ชวนให้คิด ทำไมคนไทยไปหา หมอดู มากกว่า จิตแพทย์ ที่พึ่งทางใจหรือแค่ความเชื่อ เมื่อความเครียด ส่งผลให้ต้องหาการเยียวยา
ยิ่งเครียดก็ยิ่งส่งผลต่อสุขภาพจิต แม้มีทางออกง่าย ๆ อย่างการไปหาหมอ แต่ ทำไมคนไทยไปหา หมอดู มากกว่า จิตแพทย์ ? สาเหตุที่คนไทยไม่ค่อยเข้าหาจิตแพทย์เกิดจากอะไร เพราะหมอดูเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า หรือจริง ๆ แล้วจิตแพทย์กำลังขาดแคลน มาร่วมไขคำตอบว่าทำไมคนไทยส่วนใหญ่จึงเลือกรักษาความเศร้าด้วยความเชื่อ และทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลือกหมอดูเป็นที่พึ่งทางใจมากกว่าหมอจิต
‘หมอดู’ ผู้รักษาจิตใจผ่านความเชื่อ
ในปัจจุบัน สถานการณ์ต่าง ๆ ส่งผลให้คนไทยเกิดความเครียดกันมากขึ้น นั่นหมายความว่าย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพจิต หากหนักข้อจนส่งผลต่อภาวะทางอารมณ์ อาจจะกลายเป็นโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรคซึมเศร้า
ดังนั้นผู้คนจึงต้องหาที่พึ่งทางใจ เพื่อบรรเทาความเครียดหรือภาวะทางอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในที่พึ่งทางใจที่ว่าจะขาดการดูดวงไปไม่ได้เลย แต่เพราะอะไรคนไทยจึงเลือกที่จะบรรเทาความทุกข์ผ่าน การดูดวง
อ้างอิงจากงานวิจัยเรื่อง พฤติกรรมการดูดวงของคนเมือง พบว่า ประชากรคนดูดวงจำนวน 2 ใน 3 มักอยู่ในวัยทำงานช่วงอายุ 20 – 40 ปี และเป็นโสด และเหตุผลที่คนเลือกดูดวงจาก 1 ใน 3 มีสาเหตุมาจากความรู้สึกเครียด ต้องการที่พึ่งพาทางจิตใจ จึงต้องการรับรู้เรื่องอนาคตเพื่อสร้างความมั่นใจ และเพื่อให้การตัดสินใจในชีวิตปัจจุบันง่ายขึ้น
บวกกับวัฒนธรรมการ มูเตลู หรือความเชื่อเรื่องการเสริมดวงที่เข้ามามีอิทธิพลในคนรุ่นใหม่เป็นอย่างสูง ส่งผลให้กระแสการดูดวงกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งการดูดวงในสมัยนี้ก็มีความหลากหลายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะดูดวงจากลายมือ ดูดวงไพ่ยิปซี และอีกสารพัดการดูดวงก็ยิ่งทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการดูหมอมากยิ่งขึ้นไปอีก
หากคิดดูให้ดีแล้ว หมอดูก็เปรียบได้กับ จิตย์แพทย์ ที่ใช้ความเชื่อรักษาแทนหลักวิทยาศาสตร์ เพราะหมอดูในสมัยนี้เท่าที่ผู้เขียนเคยสัมผัส ไม่ได้เน้นแค่การทำนายดวง แต่ยังคอยรับฟังปัญหาหนักอกหนักใจต่าง ๆ ของผู้มาใช้บริการหรือลูกดวง ซึ่งเวลาลูกดวงถามคำถาม สิ่งที่พวกเขาถามนั้นมักเป็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ และต้องการหาคำตอบ การได้ถามคำถามกับหมอดูจึงเปรียบเสมือนการได้ระบายความในใจต่าง ๆ ออกมา
‘หมอดู’ เข้าถึงง่าย หรือ ‘จิตแพทย์’ ที่ขาดแคลน ?
หมอดูจึงกลายเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา และอยู่เคียงข้างเพื่อให้คำตอบที่ลูกดวงต้องการผ่านคำทำนายนั่นเอง และแน่นอนว่าการที่ไประบายกับหมอดูที่เปรียบเสมือน “จิตแพทย์สายมู” เพื่อ “รักษา” ความเครียด นั้นง่ายกว่าการไปหาจิตแพทย์จริง ๆ แม้ในปัจจุบันการเข้ารักษาภาวะทางอารมณ์ หรือโรคทางจิตเวชในประเทศไทยจะดูใกล้ตัวมากขึ้น ผู้คนเปิดใจกับการหาหมอจิตมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าการเข้าหาจิตแพทย์นั้นยากกว่าการไปหาหมอดูแน่ ๆ แม้ว่า “การไปหาหมอ กับ การไปดูหมอ” ดูจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่ถ้ามองในมุมของคนที่เพียงแค่ต้องการบรรเทาความเครียด ต้องการระบายความทุกข์ในใจ ก็อาจจะพอมองเห็นความเชื่อมโยง
หนึ่งในตัวอย่างความยากที่ทุกคนต้องเจอเกี่ยวกับการไปหาจิตแพทย์คือเรื่องค่าใช้จ่าย หากเป็นโรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชน แน่นอนว่าแพงหูฉี่ ปริมาณค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงต่อการไปหาหนึ่งครั้ง ซึ่งหากเลือกไปโรงพยาบาลรัฐ ค่าใช้จ่ายอาจจะถูกลงมาแบบพอรับไหว แต่ก็จะตามมาด้วยความยากที่สอง คือระยะเวลาในการนัด
เป็นที่รู้กันว่ารพ.รัฐนั้นมีประชาชนเข้าใช้บริการอย่างมหาศาลในทุก ๆ วัน ดังนั้นการจะเข้าพบจิตแพทย์ได้ในแต่ละครั้งจึงต้องทำการนัดล่วงหน้า ซึ่งบางครั้งอาจจะกินเวลาหลักเดือน เรียกได้ว่ารอกันจนหายเครียด
และสาเหตุที่เป็นต้นตอของความยากเหล่านี้ คือการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ด้านจิตเวช จากข้อมูลกรมสุขภาพจิตปี 2563 พบว่าในประเทศไทย มีจำนวนจิตแพทย์ทั้งหมด 206 คน และเจ้าหน้าที่จิตวิทยาทั้งหมด 109 คน แต่มีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 2.7 ล้านคน คิดเป็นอัตราส่วนจิตแพทย์ 1 คนต่อผู้ป่วย 6,366 คน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสาเหตุเรื่องจิตแพทย์กระจุกตัวในเมืองมาก ต่างจากในระดับจังหวัดที่มีบุคลากรน้อยถึงขนาดว่าทั้งจังหวัด มีจิตแพทย์เพียง 1 – 2 คน
สรุปแล้ว เราควรปรึกษาใคร เพื่อบรรเทาอาการทางใจ
สิ่งที่เหมือนกันของ การดูดวง และ การปรึกษาจิตแพทย์ คือคนที่ต้องการคำปรึกษารู้สึกเครียดภายในจิตใจ หลายคนเลือกดูดวงห้พวกเขา เพราะสะดวกและรวดเร็ว หากเลือกได้ก็มีจำนวนคนไม่น้อยที่อยากได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์โดยตรง
ในขณะเดียวกันก็ติดปัญหากับการเข้าถึงการรักษาของจิตแพทย์ ที่มีทั้งข้อจำกัดราคา บุคลากร หรือการกระจายสถานที่ให้คำปรึกษาไม่เพียงพอ จึงไม่แปลกใจที่คนจะหันไปพึ่งการดูดวงมากกว่าการพบจิตแพทย์ที่ต้องใช้เวลาและขั้นตอนมากมาย
การดูดวง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวล เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องที่พึ่งทางใจ บรรเทาความเครียดแบบสะดวกรวดเร็ว แน่นอนว่าการไปหาหมอดูนั้นง่ายกว่าการไปหาจิตแพทย์ ไม่ว่าจะเรื่องของค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า แล้วยังพบเจอได้ง่าย
แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คน หากเลือกได้ก็คงอยากได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์โดยตรง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง คนไทยจึงหันไปพึ่งพาการดูดวงมากกว่าการพบจิตแพทย์
ทั้งนี้ก็ต้องอย่าลืมว่า ผู้ที่สามารถรักษาความเครียดในระยะยาวให้เราได้ คือ จิตแพทย์ ดังนั้นหากคุณมีภาวะทางอารมณ์ที่ผิดปกติ หรือมีความเครียดสะสมมากจนไม่สามารถรับมือได้ ก็ควรเข้าปรึกษาจิตแพทย์เพื่อการเยียวยารักษาอย่างถูกวิธี