กษ. เร่งสำรวจ และดำเนินการจ่าย ‘เงินเยียวยาเกษตร’ จากน้ำท่วม ปี 2565
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานถึงการเร่งดำเนินการสำรวจ-ช่วยเหลือ และเตรียมความพร้อมในด้าน เงินเยียวยาเกษตร จากเหตุน้ำท่วมล่าสุดใน ปี 2565
เงินเยียวยาเกษตร 2565 – เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีความห่วงใยเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุพายุดีเปรสชันมู่หลานและร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ทำการเกษตรหลายพื้นที่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร เร่งสำรวจและฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เตรียมเข้าไปสำรวจความเสียหาย และช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังน้ำลด เตรียมการแจกพันธุ์พืชและเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่เป็นเชื้อราดีไว้กำจัดเชื้อราไม่ดี ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
สำหรับในส่วนเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ในอัตรา ดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่เสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย หรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว
ทั้งนี้ จากรายงานพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พะเยา น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย และจังหวัดอุบลราชธานี
เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 23,182 ราย มีพื้นที่การเกษตรคาดว่า จะเสียหายจำนวน 88,305.25 ไร่ แยกเป็นข้าว 71,695.75 ไร่ พืชไร่ละพืชผัก 14,758.75 ไร่ ไม้ผลไม้ผืนต้นและอื่นๆ 1,870.75 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2565)
แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย
สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ