‘อนุทิน’ มั่นใจรัฐบาลเดินหน้าต่อได้ไม่สะดุด หลัง ‘ประยุทธ์’ พักงาน
รองโฆษกสำนักนายก เผย อนุทิน มั่นใจรัฐบาลทำงานต่อได้ไม่สะดุดหลังศาลวินิจฉัยให้ ประยุทธ์ พักงานชั่วคราว จนกว่าจะวินิจฉัยปม 8 ปีเสร็จ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังสถานการณ์การเมืองไทยที่ทางศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พักงานไปก่อนจนกว่าการวิจิฉัยปมนายก 8 ปีจะเสร็จสิ้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวโดยอ้างอิง นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ที่กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลทุกกระทรวงและหน่วยงงานยังคงดำเนินตามปกติไม่มีสะดุด แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะได้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่ง
โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. 2565 ได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม APEC Health Week ขึ้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้มีการประชุมที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขเอเปคที่หลากหลาย และในวันที่ 25-26 ส.ค. นี้จะเป็นการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12 (APEC High Level Meeting on Health and the Economy) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคเข้าร่วมทั้งรูปแบบออนไลน์และออนไซต์
“นายอนุทิน จะเป็นประธานในการประชุมระดับสูงว่าด้วยสาธารณสุขฯ และร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งจะเป็นแสดงถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ เพิ่มการลงทุนในการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพโลก และยังสนับสนุนบทบาทที่โดดเด่นขึ้นของไทยในเวทีนานาชาติ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมระดับสูงว่าด้วยสาธารณสุขฯ จะหารือและร่วมกันมีข้อสรุปใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) การสร้างสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยเน้นการดำเนินงานตามมาตรการทางด้านสาธารณสุข และการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและตอบโต้ต่อภัยคุกคามสุขภาพรวมทั้งโรคระบาด สร้างเสริมความเข้มแข็งของระบบสุขภาพและการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีน เครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยโรค และยารักษาโรค ในการป้องกันและรักษาโควิด 19 และโรคติดต่ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อป้องกันผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจ
2) การเพิ่มการลงทุนในด้านความมั่นคงด้านสุขภาพโล กโดยเฉพาะการเสริมสร้างขีดสมรรถนะด้านการป้องกัน ตรวจจับและตอบโต้โรคระบาด การเสริมสร้างระบบสุขภาพให้เข้มแข็งและการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ระบบสาธารณสุขมีความพร้อมรับมือต่อภาวะคุกคามด้านสุขภาพและมีความยืดหยุ่นต่อวิกฤติการด้านสาธารณสุข และสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบสุขภาพ และ 3) ความร่วมมือที่จะเกิดรูปธรรมระหว่างเขตเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ