อ่านที่มาประวัติของบิ๊กป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดที่มาแทนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังนั่งเก้าอี้นายกฯ ครบวาระ 8 ปี
พาคุณรู้จัก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ ป้ายแดง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีทันที บิ๊กป้อม นักการเมืองระดับสูงของรัฐบาลคนล่าสุด ที่ประชาชนจับตามากที่สุดในวินาทีนี้ มารู้จักประวิตรให้มากขึ้นไปพร้อมกับทีมงานไทยเกอร์เลยค่ะ
ประวัติ พลเอก “ประวิตร” วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม้ต่อประยุทธ์ นั่งรักษาการนายกฯ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อายุ 77 ปี ที่ล่าสุดได้ขึ้นเป็นรักษาการนายก แทนบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตรถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลและเป็นที่รู้จักอย่างมากทั้งวงการการเมืองและทหาร
พลเอกประวิตร และเส้นทางการศึกษาเพื่อเป็นทหาร
พลเอกประวิตร เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เติบโตในเส้นทางสายทหาร โดยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปี พ.ศ. 2505 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 ก่อนจะเข้าศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 ปิดท้ายด้วยการสำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40
บิ๊กป้อมเป็นพี่ชายคนโตสุดของบ้าน มีน้องชายอีก 4 คน ได้แก่ พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ, พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมทีโอที และพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ
เส้นทางสายทหารของ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหารเสือราชินี
ก่อนประวิตรจะก้าวขาเข้าสู่วงการการเมือง โดยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในปี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2554 และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตรเคยได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกระหว่างปี 2547 ถึง 2548 เป็นอดีตรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อีกด้วย โดยประวิตรได้ชื่อว่าเป็น “พี่ใหญ่” ของกลุ่มแยกบูรพาพยัคฆ์ หรือหน่วยกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
จุดเริ่มต้นเส้นทางทหารของประวิตร จริง ๆ มาจากกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือ “ทหารเสือราชินี” โดยประวิตรนั้นสนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบกถึงสองนาย คือ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บิ๊กป้อม กับการก้าวเข้าสู่สนามการเมือง
ประวิตรเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยุครัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินประจำศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมและสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง หรือ นปช. ในปี พ.ศ. 2553
สืบเนื่องมาจนถึงการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นทั้งประธานที่ปรึกษา รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงการเป็นประธานคณะกรรมการอีกกว่า 50 คณะ และประวิตรยังได้เข้ามาเป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจอีกด้วย
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2549 พลเอกประวิตรยังได้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ซึ่งเป็นมูลนิธิอนุรักษ์ป่าตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระพันปีหลวง หรือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในขณะนั้น
พลเอกประวิตรมีการใช้พื้นที่ในเขตทหารอยู่แม้จะเกษียณมานานแล้ว จนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจและทำให้แฮชแท็ก #ป่ารอยต่อ เข้ามาอยู่ในความสนใจของประชาชน ก่อนที่บทสรุปจะคลี่คลายอย่างไม่ต้องคาดเดาว่า บ้านหลวงของพลเอกประวิตรมีการทำเรื่องอย่างถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมายใด
เรียกได้ว่าบารมีตลอดอายุงานที่สั่งสมมา ทำให้ชื่อของพลเอกประวิตร กลายเป็นชื่อที่มีอิทธิพลทั้งในสนามการเมือง ทหารและตำรวจมากทีเดียว
รวมที่มาของฉายา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ป้อมทะลุเป้า ฉายานี้ของบิ๊กป้อมได้มาจากสื่อมวลชน ช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 หลังพลเอกประวิตรเข้ามามีส่วนในการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่าง ๆ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
นาฬิกายืมเพื่อน จุดเริ่มต้นฉายานี้มาจากตอนบิ๊กป้อมยกมือบังแดดขณะรอถ่ายรูปหมู่ จนเกิดเป็นคำถามว่านาฬิกาหรูเรือนโตบนข้อมือยี่ห้อ ริชาร์ดมิลล์ (Richard Mille) ซึ่งพลเอกประวิตรมีในครอบครองถึง 9 เรือนนั้นได้มาจากไหน เพราะไม่ปรากฏอยู่ในหมวด ทรัพย์สินอื่น ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นตอนเข้ารับตำแหน่ง
ท้ายที่สุดปมนี้กลับเฉลยว่านาฬิกาดังกล่าวของบิ๊กป้อม เป็นนาฬิกาที่พลเอกประวิตรยืมเพื่อนมา จึงไม่มีความผิดและไม่จำเป็นต้องแสดงรายการนาฬิกาดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สิน พ้นข้อกล่าวหาไปตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ป้อมไม่รู้โรย ปิดท้ายที่ฉายา ป้อมไม่รู้โรย มาจากวลียอดฮิต “ไม่รู้” ของพลเอกประวิตรที่มักปรากฏอยู่ในหน้าสื่อเสมอ เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามไปยังบิ๊กป้อม เขามักจะตอบกลับด้วยคำนี้อยู่บ่อยครั้ง ประกอบกับบารมีของพลเอกประวิตรที่เป็นเส้นเลือดสำคัญของรัฐบาลประยุทธ์ โดยเป็นหนึ่งใน 3 ป. สายแข็ง ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ รวมถึงการที่ประวิตรได้ดำรงตำแหน่งมากมาย จนกลายมาเป็นที่มาของฉายานี้นั่นเอง
สำหรับเส้นทางของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาการนายกฯ ล่าสุด จะเป็นอย่างไร ท่ามกลางความเห็นหลากหลายของประชาชนคนรุ่นใหม่และรุ่นเก๋า เราคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด หากวันนี้ไม่สนใจไม่รู้ วันหน้าประเทศก็คงน่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย