ผู้ชายผู้หญิงไลฟ์สไตล์

ยังจำได้ไหม? ตำนานบนรถตู้ “อีกะเทย มึงสิอีกะเทย” ครบรอบ 4 ปีแล้ว

พระ กะเทย รถตู้ หากพูดคีย์เวิร์ดสามคำนี้ขึ้นมา เชื่อว่าใครหลายคนคงนึกถึงเหตุการณ์ดังที่กลายเป็นตำนานบทใหม่ “อีกะเทย มึงสิอีกะเทย” ล่วงเลยมาจนถึงปี 2565 เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นครบรอบ 4 ปีแล้ว วันนี้ The Thaiger ขอพาไปย้อนวันวาน ปลุกความทรงจำถึงที่มาของตำนานบทใหม่ในครั้งนั้น ซึ่งกลายเป็นบทพูดสุดฮิตไม่มีวันเก่า แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม มาร่วมต่อบทพูดไปพร้อมกันบัดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ

คีย์เวิร์ดในตำนาน พระ กะเทย รถตู้ และเสียงในหัว “อีกะเทย มึงสิอีกะเทย”

Advertisements

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 บนรถตู้โดยสาร ได้มีผู้ถ่ายคลิปเหตุการณ์ขณะที่ผู้โดยสารสองคน คนหนึ่งนุ่งห่มจีวร มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์ อีกคนหนึ่งเป็นฆราวาส ทั้งสองกำลังต่อปากต่อคำกันอย่างออกรสและเผ็ดร้อนด้วยคำสบถและคำหยาบสารพัด ผู้โดยสารที่เป็นพระสงฆ์นั่งอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับ และผู้โดยสารอีกคนนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง ๆ ของรถ

พระ กะเทย รถตู้ อีกะเทย มึงสิอีกะเทย

ผู้ที่นำคลิปมาโพสต์ได้เล่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ชายที่มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์แซงคิวคนอื่น ๆ ที่รอใช้บริการรถตู้อยู่ โดยเดินไปขึ้นรถทันทีที่รถเข้ามาจอด และหลังจากรถออกตัวไปแล้วก็ยังโวยวาย แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วยการใช้คำพูดแทนตนว่า “กู” กับคนขับรถตู้ โดยเรียกร้องจะเอาเงินทอนขณะที่คนขับกำลังขับรถอยู่ พฤติกรรมดังกล่าวได้สร้างความหวั่นใจให้กับผู้โดยสารคนอื่นเพราะอาจทำให้คนขับเสียสมาธิและเกิดอุบัติเหตุได้

ผู้โดยสารอีกคนหนึ่งเกิดความไม่พอใจการกระทำของชายสวมจีวรคนนี้ จึงตะโกนไล่ให้ลงจากรถ และเกิดบทสนทนาที่กลายเป็นตำนานบทพูดยอดฮิต ถูกส่งต่อและมีการนำไปล้อเลียนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น “กูจะแจ้ง กูจะแจ้ง”, “มีใบมั้ย”, “นิมนต์ลงบัดเดี๋ยวนี้”, “มีใบมั้ย”, “ปาราชิก”, “อีมารศาสนา”, “อีกะเทย มึงอะอีกะเทย” ท่ามกลางเสียงห้ามปรามของผู้โดยสารท่านอื่น ๆ

Advertisements

พระ กะเทย รถตู้ อีกะเทย มึงสิอีกะเทย

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้เผยแพร่คลิปดังกล่าวพร้อมข้อความเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใจความว่า

“เรื่องของเรื่องคนผู้นี้(ที่อ้างว่าตัวเองเป็นพระแค่เพราะห่มจีวร) แซงคิวทุกคนที่ต่อคิวขึ้นรถตู้อยู่ กันประมาณ 15 คน พอรถมาพระรูปนี้เค้าก็รีบเปิดประตูขึ้นรถเลย แล้วคนรถตู้บอกว่าแซงคิวคนอื่นได้ยังไง นางก็ด่ามาฉอด ๆๆๆ บอกว่ากูจ่ายเงินกูจะขึ้นจะทำไม กูจ่ายเงินกูจะขึ้น ตั่งต่างสารพัดคนรถตู้ก็ให้ขึ้นนะ ละพอขึ้นรถมาก็มาโวยวายเรื่องเงิน 3 บาทบอกว่าเงินกู ๆ กูจะเอาเงิน คือไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าเกิดขึ้นยังไงเพราะนี่นั่งหลังมองไม่เห็น แต่ก็แบบจะไฟต์กับคนขับคนขับก็จะไฟต์ด้วยแล้วคือเข้าใจปะว่ารถออกมาแล้ว กี่ชีวิตที่นั่งอยู่ในนั้นรวมตัวนี่ด้วย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเสียหายกี่คน

ในกรณีพี่ผู้ชายที่โมโหคือนี่อะอยู่ข้างนางนะ เพราะคนแบบนี้หรอที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระ อาบัติไปหมดแล้วแหละแต่ละคำที่พูดออกมา ไม่มีอะไรน่านับถือเลย เลิกเรียกตัวเองว่าพระเถอะค่ะ ไม่มีคำว่าพระหลงเหลืออยู่ในตัวคุณเลย สถานการณ์เมื่อกี้เดือดมาก ลงรถเค้านัดกับไปคุยกับทหารตำรวจนี่ไม่ได้เดินตามไปเผือกต่อ แต่พี่ผู้ชายที่ทะเลาะกับพระ หันมาขอโทษทุกคนบนรถที่เสียงดังและใช้คำหยาบอารมณ์โมโหมากไปหน่อย อะไรแบบนี้แล้ว และหลังจากจบคลิปนี้พระก็มองแรงหันมาตลอดทางทั้ง ๆ ที่พี่ผู้ชายที่ทะเลาะด้วยเค้าก็เฉย ๆ ไปแล้ว เหมือนเจ๊จะเอาให้ได้ พระทำแบบนี้ได้หลอออออออออ งงเว่อ

#พี่คนที่อยู่ในคลิปที่ไม่ใช่พระมาบอกอีกว่าหลังจากไปคุยกันต่อคือพระนี้ไม่มีใบอะไรเลยใบบวชหรือบัตรประชาชนตั่งต่าง ตำรวจเอาตัวไว้ตอนนี้ คิดว่าน่าจะพระปลอมอะ
#ไม่มีภาคต่อไม่ต้องทักแชทมาถามแล้วนะค้าขอบคุณค่ะ”

กูจะแจ้ง ๆ | มีใบมั้ย | นิมนต์ลงบัดเดี๋ยวนี้ | ปาราชิก | มึงสิอีกะเทย

อีกะเทยมึงสิอีกะเทย

เหตุการณ์จริงบนรถตู้ดูตึงเครียดสุด ๆ แต่พอถูกนำมาเล่าต่อโดยคนไทย ผู้มีความตลกอยู่ในสายเลือด จึงไม่แปลกที่เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกส่งต่อและนำไปเล่นซ้ำ ๆ นอกจากนี้ยังมีกระแสว่าชายที่มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์คนดังกล่าวก็ไม่ใช่พระจริง ๆ เพราะไม่มีใบอะไรที่สามารถยืนยันสถานะพระได้เลย จึงยิ่งทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นความตลกที่ไม่มีข้อจำกัดใดมาขีดเส้นกั้นได้ เพราะศาสนาถูกชายคนดังกล่าวนำมาแอบอ้างแล้วตั้งแต่แรก

ในอีกแง่หนึ่งก็ทำให้เห็นว่าคนไทยในปัจจุบันมีวิจารณญาณกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของศาสนา แม้ว่าชายคนดังกล่าวจะอยู่ในจีวรก็ตามที แต่หากแสดงที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม คนในสังคมก็พร้อมที่จะตั้งคำถามต่อการมีอยู่ของสิ่งนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น พระ หรือ กะเทย

เหตุการณ์นี้จึงเป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เพราะสังคมไทยกำลังก้าวไปสู่สังคมที่คนตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ให้ใครใช้สถานะมาเอาเปรียบได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นว่าหากพระพุทธศาสนายังคงมีผู้แอบอ้าง นำผ้าเหลืองมาใช้บังหน้าเช่นนี้ ความน่าศรัทธาของศาสนาพุทธที่อยู่คู่สังคมไทยมายาวนานคงหมดความศักดิ์สิทธิ์ได้ในสักวัน

พระ กะเทย รถตู้ อีกะเทย มึงสิอีกะเทย

อ้างอิงจาก (1)

Lalita C.

นักเขียนคอนเทนต์ SEO แห่งทีมไทยเกอร์ไทย คลุกคลีกับการเขียนตั้งแต่สมัยเรียน ชอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ติดตามข่าวสารจากโลกออนไลน์ นำมาสรุป เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองน่าสนใจที่คนมักจะมองข้าม ทั้งข่าวบันเทิง บทความ งานเขียนแนวไลฟ์สไตล์ รวมถึงทุกอย่างที่อยากให้นักอ่านได้รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button