ยกเว้น VAT ภาษีเงินได้บุคคล คริปโทเคอร์เรนซี-โทเคนดิจิทัล ถึงสิ้นปี 66
ครม.ผ่านร่างกฎหมาย “ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” ถึงสิ้นปี 66
วันนี้ (8 มี.ค.65) อ้างอิงข้อมูลจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ รัชดา ธนาดิเรก – รองโฆษกรัฐบาล ระบุ สืบเนื่องจากพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ได้กำหนดให้ “คริปโทเคอร์เรนซี” และ “โทเคนดิจิทัล” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใด หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) มีปริมาณและความถี่มาก มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนตลอดเวลา และผู้ลงทุนไม่สามารถนำผลขาดทุนมาคำนวณออกจากกำไรจากการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถแสดงรายได้ที่แท้จริง รวมถึงผู้ขายมีทั้งที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ทำให้ยากต่อการแสดงราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชนในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ครม.จึงมีอนุมัติร่างกฎหมายตามมาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และเป็นการรองรับกับแนวทางการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อันเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยร่างกฎหมายแต่ละฉบับมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. ตามโครงการพัฒนาและทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. สำหรับการใช้งานภาคประชาชน (Retail Central Bank Digital Currency หรือ Retail CBDC) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนเป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุน จากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน (โดยคำนวณจากกำไรแล้วลบด้วยขาดทุนเหลือจำนวนเงินเท่าใดจึงนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ การคำนวณภาษีดังกล่าวจะทำให้เงินภาษีที่ต้องจ่ายลดลง) มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีค่าเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 420 ล้านบาท เป็น 4,839 ล้านบาท และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนราย เป็น 1.98 ล้านราย รวมทั้งเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และรุปแบบการทำธุรกรรมต่างๆ มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนตลอดเวลา