15 มีนาคม ‘วันสิทธิผู้บริโภคสากล’ ร่วมตระหนักถึงสิทธิผู้บริโภค
วันที่ 15 มีนาคม 2566 “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” หรือ “World Consumer Rights Day” ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกตระหนักถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ตนเองพึงจะได้รับในฐานะผู้บริโภค รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความเคารพและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค
ทำความรู้จัก “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” หรือ “World Consumer Rights Day” ปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ก็นับว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในเดือนมีนาคมนี้ เพราะเราทุกคน ในฐานะผู้บริโภคแล้วควรตระหนักถึงสิทธิของตนเอง รวมถึงตระหนักรู้และรณรงค์ต่อต้านการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และในวันนี้ทีมงาน Thaiger ก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” หรือ “วันคุ้มครองผู้บริโภคสากล” ว่ามีความสำคัญอย่างไรกันบ้าง
ประวัติ “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” 15 มีนาคม
วันสิทธิผู้บริโภคสากล จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2526 โดยองค์กรผู้บริโภคระหว่างประเทศ (CI) ซึ่งเป็นสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคโลก วันดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิของผู้บริโภคและเพื่อสนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภค หัวข้อแรกของวันนี้คือ “การทำให้ผู้บริโภคได้ยินเสียง” ตั้งแต่นั้นมา วันดังกล่าวได้รับการปฏิบัติเป็นประจำทุกปี โดยแต่ละปีจะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อที่แตกต่างกัน
การปฏิบัติตามวันสิทธิผู้บริโภคโลกมีความสำคัญเนื่องจากเป็นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิของผู้บริโภคและสนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะถูกเอาเปรียบและละเมิดโดยธุรกิจ รัฐบาล และองค์กรอื่นๆ วันสิทธิผู้บริโภคโลกเป็นเวทีให้ผู้บริโภคแสดงข้อกังวลและเรียกร้องสิทธิของตน
สิทธิผู้บริโภคเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงสิทธิในความปลอดภัย สิทธิที่จะได้รับทราบ สิทธิในการเลือก สิทธิที่จะรับฟัง และสิทธิในการซ่อมแซม สิทธิเหล่านี้จำเป็นสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจอย่างรอบรู้และปกป้องตนเองจากผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นอันตราย
วันสิทธิผู้บริโภคโลกยังเป็นโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ได้ไตร่ตรองถึงแนวทางปฏิบัติของตน และเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาดำเนินกิจการอย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะสร้างความไว้วางใจและความภักดีในหมู่ลูกค้าของตนและประสบความสำเร็จในระยะยาว
หัวข้อหลักใน “วันสิทธิผู้บริโภคสากล”
ในแต่ละปี วันสิทธิผู้บริโภคโลกมีหัวข้อที่มุ่งเน้นประเด็นด้านสิทธิผู้บริโภคโดยเฉพาะ หัวข้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2018-2023 ประกอบด้วย
- 2023: “เสริมศักยภาพผู้บริโภคในยุคดิจิทัล”
- 2022: “การแก้ปัญหามลพิษพลาสติก”
- 2021: “ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่เชื่อถือได้”
- 2020: “ผู้บริโภคที่ยั่งยืน”
- 2019: “ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่เชื่อถือได้”
- 2018: “ทำให้ตลาดดิจิทัลยุติธรรมยิ่งขึ้น”
สำหรับธีมในวันสิทธิผู้บริโภคสากล ประจำปี 2023/2566 คือ “Empowering Consumers in the Digital Age” พัฒนามาจากสภาพเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลในภาพรวมของผู้บริโภค ด้วยการเพิ่มขึ้นของอีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ ผู้บริโภคจึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายใหม่ๆ เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ การละเมิดข้อมูล และการหลอกลวงทางออนไลน์ WCRD 2023 มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และให้อำนาจแก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจอย่างรอบรู้ในตลาดดิจิทัล
สิทธิผู้บริโภค 8 ประการ
ในส่วนของสิทธิของผู้บริโภคเป็นลักษณะพื้นฐานของสังคมยุคใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองจากการดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมและหลอกลวง สิทธิเหล่านี้ได้รับการบัญญัติไว้ในกฎหมายและระเบียบข้อบังคับทั่วโลก และให้อำนาจแก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาซื้อ ในบทความนี้ เราจะสำรวจสิทธิผู้บริโภค 8 ประการที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและความสำคัญ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. สิทธิในความปลอดภัย
ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาใช้นั้นปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งรวมถึงการป้องกันอันตรายต่อร่างกาย เช่นเดียวกับการป้องกันจากการโฆษณาและการติดฉลากที่หลอกลวงหรือทำให้เข้าใจผิด ธุรกิจมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการของตนเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และมีการติดฉลากและโฆษณาอย่างถูกต้อง
2. สิทธิในข้อมูล
ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาซื้อ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม คุณภาพ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ผลิตภัณฑ์ ธุรกิจมีหน้าที่ให้ข้อมูลนี้อย่างชัดเจนและเข้าถึงได้
3. สิทธิ์ในการเลือก
ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งรวมถึงอิสระในการเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ และตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลตามความต้องการและความต้องการของพวกเขา ธุรกิจมีความรับผิดชอบในการจัดหาทางเลือกที่หลากหลายและแข่งขันอย่างยุติธรรมในตลาด
4. สิทธิที่จะได้ยิน
ผู้บริโภคมีสิทธิแสดงความคิดเห็นและข้อกังวลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ใช้ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการยื่นเรื่องร้องเรียนและรับข้อกังวลจากธุรกิจและหน่วยงานของรัฐ ธุรกิจต่างๆ มีหน้าที่รับฟังและตอบสนองต่อความคิดเห็นของผู้บริโภค และดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้น
5. สิทธิในการแก้ไข
ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะขอแก้ไขหากได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการคืนเงิน การซ่อมแซม และการชดเชยในรูปแบบอื่นๆ ธุรกิจมีหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไขอย่างเพียงพอสำหรับอันตรายใดๆ ที่เกิดจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน
6. สิทธิในการศึกษาของผู้บริโภค
ผู้บริโภคมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรที่ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้อย่างรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาซื้อ ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบของผู้บริโภค ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงการหลอกลวงและการตัดสินใจซื้ออย่างชาญฉลาด
7. สิทธิในความเป็นส่วนตัว
ผู้บริโภคมีสิทธิในความเป็นส่วนตัวและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนจากการใช้หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการควบคุมวิธีการรวบรวม ใช้ และแบ่งปันข้อมูลของพวกเขาโดยธุรกิจและองค์กรอื่นๆ
8. สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี
ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะอยู่อาศัยและทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ปราศจากมลภาวะและอันตรายอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงสิทธิในการเข้าถึงอากาศและน้ำสะอาด และการอาศัยอยู่ในชุมชนที่ปลอดภัยและยั่งยืน
สรุปแล้วว่า สิทธิผู้บริโภค 8 ประการที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกมีความสำคัญต่อการปกป้องผู้บริโภคจากการดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมและหลอกลวง สิทธิ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาซื้อ และมอบกรอบการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจดำเนินกิจการอย่างยุติธรรมและมีความรับผิดชอบ ในขณะที่เราเฉลิมฉลองวันสิทธิผู้บริโภคโลกในแต่ละปี เราต้องสร้างความตระหนักอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสิทธิเหล่านี้และทำงานเพื่อส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคและการเสริมอำนาจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากในระดับสากลแล้ว ประเทศยังมีการจัดตั้ง “สมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค” (สสอบ.) หรือ The Association of Confederation of Consumer Organisation, Thailand (ACCOT) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวแทนของผู้บริโภคในประเทศไทย ในการออกความเห็นต่อนโยบายต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการดำเนินกิจการงานและสนับสนุนที่เกื้อหนุนต่อผู้บริโภคในประเทศไทย
ในฐานะวันสำคัญระดับสากล “วันสิทธิผู้บริโภคสากล” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ “เรา” ในฐานะ “ผู้บริโภค” ได้ตระหนักถึงสิทธิอันพึงมีและพึงได้ของตนเอง เรียกร้องและรณรงค์ยุติการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ต่อต้านการผูกขาดสินค้าและบริการ เพราะถือว่าเป็นสิทธิในการเลือกของเรา
รวมถึงการเรียกร้องให้มีการพัฒนากระบวนการเยียวยาความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังล้าหลังในสังคมไทยอยู่มากนัก แม้ว่าผู้บริโภคจะมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจก็ตาม