ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว เทคนิคทากันแดดง่าย ๆ ลดปัญหาผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระแสมาแรงกับ ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว ยิ่งในแอปพลิเคชันดังอย่าง TikTok ที่มีแผ่นเสียงพูดถึงการทาครีมกันแดดปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือ ยิ่งทำให้สาว ๆ หันมาใส่ใจการใช้ครีมกันแดดมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะว่าครีมกันแดดเนี่ยช่วยป้องกันผิวหน้าเราจากแสงแดดโดยตรง ทำให้ปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือแม้กระทั่งสิว! ลดน้อยลงไปได้แบบไม่ต้องพึ่งพาสกินแคร์หลายขั้นตอน
แต่การจะทากันแดดให้ได้ประสิทธิภาพตาม SPF ที่แต่ละแบรนด์เคลมไว้ จะต้องทาปริมาณเท่าไรกันถึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วันนี้ทาง The Thaiger Thailand ก็ไม่รอช้าที่จะหาคำตอบมาฝากสาว ๆ และเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ ถ้าอยากรู้เทคนิคการทากันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดต้องทำยังไง ก็ตามมาดูพร้อมกันเลยค่ะ
ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว ทายังไง ลืมอะไรลืมได้ แต่ห้ามลืมทากันแดดเด็ดขาด!
วิธีทา “กันแดด 2 ข้อนิ้ว” ที่ถูกต้อง
กันแดดแบบไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ?
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าการจะทากันแดดให้ได้ผลมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าต้องใช้กันแดดที่มีค่า SPF 50 PA++++ ถึงจะกันแดดอย่างประเทศไทยได้อยู่หมัด พอรู้แบบนี้แล้วก็เริ่มเลือกหากันแดดได้ง่ายขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะคะ เอาล่ะต่อไปก็จะเป็นวิธีทากันแดดให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดกันค่ะ นั่นก็คือการ “ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว” นั่นเอง ถ้าอยากรู้ว่าต้องทายังไง ก็เลื่อนไปดูหัวข้อถัดไปกันเลยค่ะ
ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว ทายังไง ?
มาถึงส่วนที่ทุกคนสงสัยกันมากที่สุดแล้วใช่ไหมล่ะคะว่า ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว คือข้อนิ้วไหน มันคือปริมาณเท่าไรกันแน่ คำตอบก็คือ “2 ข้อนิ้วมือ” ของเรานั่นเองค่ะ ซึ่งต้องเป็น 2 ข้อนิ้วมือแบบ “เต็มนิ้ว” ด้วยนะคะ เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณช้อนชาแล้วก็จะได้ ¼ ช้อนชาพอดี
หรือบางทีอาจจะต้องเพิ่มจาก 2 เป็น 3 ข้อนิ้วด้วยซ้ำค่ะ นี่แค่สำหรับ “ใบหน้า” อย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ถ้าทาคอด้วยก็เพิ่มไปอีก 2 ข้อนิ้วเหมือนเดิมค่ะ และต้อง “ทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง” ที่ต้องทากันแดดในปริมาณมาก ๆ แบบนี้เพราะว่านักวิจัยเขาวิจัยกันมาแล้วค่ะว่าเป็นปริมาณที่ให้ประสิทธิภาพกันแดดได้ดีที่สุด
อีกอย่างก็คือ เวลาเราบีบครีมกันแดดลงบนนิ้วเนี่ย ก็มีบางครั้งที่เนื้อครีมติดนิ้วมือไปด้วย ทำให้หลงเหลือครีมกันแดดบนใบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ
แล้วถ้าทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศ หรือ อยู่แต่ในบ้าน ยังจำเป็นต้องทากันแดดมากขนาดนั้นไหม คำตอบคือ “จำเป็น” มาก ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่อับแสงจริง ๆ ก็ขอให้ทากันแดดเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลยค่ะ แต่ถ้าอยู่บ้าน หรืออยู่ในออฟฟิศ อาจจะไม่จำเป็นต้องทาซ้ำ หรือทาซ้ำแค่ 1 ครั้ง/วัน ก็พอค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทากันแดดเกินไว้ก่อนก็ดีกว่าขาดนะคะ
ทากันแดดแล้วหน้ามัน เป็นขุย เป็นคราบ ฯลฯ ?
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาทาครีมกันแดดแล้วหน้ามันเยิ้ม เป็นขุย เป็นคราบ แสบหน้า หรือปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นเมื่อทากันแดด ทางเราก็ขอแนะนำให้ทุกคนกลับไปดูส่วนผสมที่อยู่ในครีมกันแดดกันเป็นอย่างแรกก่อนเลยค่ะ ว่ามีส่วนผสมอะไรที่ทำให้เราแพ้หรือระคายเคืองไหม ถ้ามีก็ควรจะหลีกเลี่ยงซะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหอม หรือ แอลกอฮอล์ ที่ผสมมาในตัวครีมกันแดดค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าส่วนผสมเหล่านั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เจอแล้วต้องแบนทันทีนะคะ เพราะอย่างแอลกอฮอล์เนี่ยก็เป็นส่วนผสมที่ช่วยให้กันแดดซึมลงผิวเร็วขึ้นค่ะ แต่บางคนอาจจะแพ้ ใช้แล้วแสบตา เราก็เพียงแค่เลี่ยงไปใช้แบรนด์อื่นที่เหมาะสมกับผิวหน้าของเราก็พอค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือสภาพผิวหน้าของเราค่ะ หากว่าสภาพผิวหน้าของเราขาดความชุ่มชื้น ก็อาจทำให้เกิดปัญหาการทากันแดดแล้วเป็นขุยได้ค่ะ ดังนั้นก่อนนอนก็บำรุงผิวหน้ากันให้พอเหมาะก่อน ตื่นเช้ามาจะได้ทาครีมกันแดดแล้วไม่เป็นคราบหรือเป็นขุยนั่นเอง
ส่วนการที่เราทาครีมกันแดดแล้วเกิดปัญหาหน้าเทา หน้าลอย หรือหน้าวอก อย่าเพิ่งโทษผิวหน้าตัวเองกันไปก่อนนะคะ เพราะปัญหามันอยู่ที่ครีมกันแดดที่ไม่เข้ากับสภาพผิวของเรานั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาเพื่อน ๆ เลือกครีมกันแดดมาทาแล้วเกิดปัญหาเหล่านี้ ก็ขอแนะนำว่าทิ้งครีมกันแดดเหล่านั้นทิ้งไปได้เลยค่ะ แล้วเลือกยี่ห้อใหม่ที่ไม่เป็นภัยต่อผิวหน้าเราจะดีกว่า ไม่ต้องไปเสียดายค่ะ เพราะหน้าเรามีหน้าเดียวต้องดูแลให้ดี
ควรทาครีมกันแดดตอนไหนถึงจะดีที่สุด ?
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือระยะเวลาของการทาครีมกันแดดนั่นเองค่ะ ซึ่งเราต้องทาก่อนออกแดด 15 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และพยายามลดขั้นตอนการบำรุงหน้าก่อนทาครีมกันแดดให้เหลือน้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อย่างนั้นกันแดดก็ไม่อาจสร้างฟิล์มมาเป็นเกราะป้องกันให้กับผิวหน้าของเราได้นั่นเองค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทาครีมบำรุงเลยนะคะ เพียงแต่เพื่อน ๆ ควรจะทาสกินแคร์เท่าที่จำเป็น และต้องทาก่อนที่จะลงครีมกันแดดด้วยค่ะ เพราะเมื่อเราทาครีมกันแดดไปแล้ว แล้วมาทาสกินแคร์ในภายหลังเนี่ย ตัวเนื้อสกินแคร์ก็จะไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวของเราได้นั่นเองค่ะ
และบางคนอาจจะสงสัยว่า “ควรทาครีมกันแดดตอนกลางคืนไหม?” คำตอบก็คือ “ไม่จำเป็น” ค่ะ ถึงแม้ว่าแสงไฟ หรือแสงจากจอโทรศัพท์จะมีแสงสีฟ้า (Blue Light) แบบเดียวกับที่อยู่ในแสงแดด แต่ขอบอกเลยว่าปริมาณเทียบกันไม่ติดค่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดตอนกลางคืน ทางเพียงแค่สกินแคร์ก็เพียงพอแล้วค่ะ
แนะนำครีมกันแดด ป้องกันหน้าหมองคล้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว
อย่างที่แนะนำเพื่อน ๆ ไปในเบื้องต้นว่าควรทากันแดดที่มีค่า SPF 50 PA++++ และทาเต็ม 2 ข้อนิ้วมือ (หรืออาจจะ 3 ข้อนิ้วมือ) และควรเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อครีมเหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง ในวันนี้เราเลยจะมาแนะนำครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับสภาพผิวแต่ละแบบกันค่ะ
สภาพผิวแห้ง
- Canmake Mermaid Skin Gel UV
ครีมกันแดดของแบรนด์ Canmake Mermaid Skin Gel UV ที่ทางเราขอแนะนำนั้นมีทั้งแบบเนื้อเจลใส และเนื้อเจลขาว ซึมเร็ว และเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายด้วยค่ะ โดยสูตรเนื้อเจลใสจะให้ผิวหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ส่วนแบบเนื้อเจลขาวจะให้ผลลัพธ์แบบเป็นโทนอัพ ปรับผิวให้ขาวสว่าง โดยทั้ง 2 สูตรนั้น ให้สัมผัสที่เบาสบาย ไม่หนักหน้าเลยค่ะ อีกทั้งยังเป็นเมคอัพเบส ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสได้อีกด้วยนะคะ
ค่า SPF : SPF50 PA++++
ปริมาณ : 40 กรัม
ราคา : 279 บาท
พิกัด : Canmake Mermaid Skin Gel UV
- Moleculugy Starter Sunscreen
Moleculugy Starter Sunscreen กันแดดที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสมาก ๆ โดยเนื้อครีมของเขาจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองตามตัว Active ที่ผสมมา ส่วนสัมผัสเนื้อครีมจะมีลักษณะบางเบา ไม่ทิ้งคราบขาว ให้ความชุ่มชื้นมาก เหมาะกับคนผิวหน้าแห้ง ทาแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ผิวหน้าออกมาดูฉ่ำ ๆ วาว ๆ และอาจใช้แทนมอยเจอร์ไรเซอร์ในตอนเช้าได้อีกด้วยนะคะ แถมยังทาทับเมคอัพระหว่างวันได้อีกด้วย
ค่า SPF : SPF50+ PA++++
ปริมาณ : 30 กรัม
ราคา : 490 บาท
พิกัด : Moleculugy Starter Sunscreen
สภาพผิวมัน
- La Roche-Posay
สำหรับคนผิวมันต้อง La Roche-Posay ANTHELIOS INVISIBLE FLUID NON-PERFUMED เหมาะสำหรับผิวมันและผิวบอบบางแพ้ง่ายสุด ๆ อ่อนโยนแม้กระทั่งกับผิวบริเวณรอบดวงตา ทาแล้วไม่ทิ้งคราบขาวที่ทำให้หน้าวอกด้วยนะคะ ซึ่งเขาเป็นกันแดดที่เคลมว่า “เนื้อสัมผัสล่องหน” เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพราะเค้าเป็นเนื้อฟลูอิดบางเบามาก ๆ แถมยังกันเหงื่อและกันน้ำได้อีกด้วยค่ะ
ค่า SPF : SPF50+ PA++++
ปริมาณ : 49 กรัม
ราคา : 1,260 บาท
พิกัด : La Roche-Posay
- Venita Anti-Acne Care Sunscreen
กันแดดน้องใหม่มาแรงสำหรับคนผิวมันและเป็นสิว Venita Anti-Acne Care Sunscreen ที่มีส่วนผสมหลายตัวที่ช่วยควบคุมและลดความมันได้ อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนต่อผิว ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อย หรือแทบจะไม่เกิดการระคายเคืองเลย แถมยังมีเนื้อสัมผัสที่บาง เกลี่ยง่าย ซึมง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่ทิ้งความมันเยิ้มบนใบหน้าด้วย แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับกิจกรรมหนัก ๆ เท่าไรด้วยค่า SPF ที่น้อยกว่า 4+
ค่า SPF : SPF50 PA+++
ปริมาณ : 30 ml.
ราคา : 490 บาท
พิกัด : Venita Anti-Acne Care Sunscreen
นอกจากนี้ กันแดดทั้ง 4 ยี่ห้อ ที่เราแนะนำไปนั้น ทุกตัวล้วนแล้วแต่อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ดังนั้นก็มั่นใจได้เลยว่าใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองอย่างแน่นอน
และนี่คือเทคนิค “ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว” ที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนในวันนี้ อย่าลืมนะคะว่าควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะกับแดดเมืองไทย ทาในปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือเต็ม และอย่าลืมเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเราด้วยนะคะ จะได้ทาแล้วไม่มันไม่วอกก่อนจะออกแดด และที่สำคัญที่สุด “ลืมอะไรลืมได้ แต่ห้ามลืมทากันแดด” ทุกวันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ
เรื่อง : โมทนา ม่วงเตี้ย
บรรณาธิการ : ทศพล ถิรเจริญสกุล
- เปิดลิสต์ 6 ครีมกันแดดเนื้อเบา คุณภาพหนัก อย่าไว้ใจแดดเมืองไทย ทาเลย
- 5 อันดับ ครีมกันแดด ยอดนิยม ตัวไหนดี ตัวไหนเด็ด เราลิสต์มาให้แล้ว
? ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The Thaiger