สมาคมโรคไตฯ ชี้สิทธิเลือกวิธีล้างไตเป็นนโยบายที่ดี มองผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
ชี้นโยบายให้ผู้ป่วยไตวายสิทธิบัตรทองมีสิทธิเลือกวิธีการล้างไตโดยตัดสินใจร่วมกับแพทย์เป็นนโยบายที่ดีมากเพราะมองคนไข้เป็นจุดศูนย์กลาง เพิ่มทางเลือกแก่ประชาชน ระบุไม่ห่วงหน่วยไตเทียมไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย ชี้ยังมีระบบล้างไตทางหน้าท้องคอย back up ระหว่างรอคิวได้
นพ.สุชาย ศรีทิพยวรรณ เลขาธิการสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องรับการบำบัดทดแทนไต โดยสามารถตัดสินใจร่วมกับแพทย์เลือกใช้วิธีล้างไตทางหน้าท้องหรือฟอกเลือดก็ได้ ยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา
นพ.สุชาย ชี้ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ดีมากเพราะมองคนไข้เป็นจุดศูนย์กลางและเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชน ซึ่งด้วยงบประมาณที่ สปสช.และรัฐจัดมาให้นั้นมั่นใจว่าไม่มีปัญหาในส่วนนี้
อย่างไรก็ดี ในประเด็นเรื่องสถานที่และบุคลากรที่จะรองรับผู้ป่วยที่เลือกวิธีฟอกเลือดนั้น ในเมืองใหญ่คิดว่าเพียงพอเพราะมีทั้งหน่วยไตเทียมของรัฐและเอกชน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการฟอกไตนั้น คาดว่าในปีแรกของนโยบายนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 คน โดยมาจากผู้ป่วยเดิมที่ปฏิเสธการล้างไตทางช่องท้องแล้วเลือกจ่ายเงินฟอกเลือดเองประมาณ 6,000 คน ผู้ป่วยรายใหม่ที่ต้องรับการบำบัดทดแทนไตปีละประมาณ 8,000 คน ซึ่งคาดว่า 3 ใน 4 หรือประมาณ 5,000 คน จะเลือกการฟอกเลือด รวมทั้งผู้ป่วยเดิมที่ล้างไตทางช่องท้องและอยากเปลี่ยนมาใช้วิธีการฟอกเลือดอีกประมาณ 10%
อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องความพอเพียงของจำนวนหน่วยบริการและบุคลากรในระยะสั้นก็ยังไม่ใช่ประเด็นใหญ่มากนัก
ขณะเดียวกัน นพ.สุชาย ยังแสดงความกังวลใน 2 ประเด็น คือ ในระยะต่อไปจะมีการขยายศูนย์ไตเทียมขยายไปเปิดตามโรงพยาบาลขนาดเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโรงพยาบาลเหล่านี้อาจไม่มีอายุรแพทย์โรคไตมากเพียงพอและต้องเร่งผลิตบุคลากรให้มากขึ้น รวมถึงศัลยแพทย์หลอดเลือดสำหรับเตรียมเส้นเลือดให้คนไข้ และที่สำคัญคือต้องเตรียมพยาบาลผู้ชำนาญการฟอกเลือดให้มากที่สุดให้ทันต่อสถานการณ์ เพราะจุดนี้จะเป็นข้อจำกัดในการเปิดศูนย์ไตเทียม เพราะฉะนั้น สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องสนับสนุนคือการเร่งเปิดตำแหน่งทั้ง 3 ตำแหน่งนี้ ให้บุคลากรเข้ามาฝึกอบรม ขณะที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือในการเร่งผลิตบุคลากรทั้ง 3 ส่วนนี้ให้ทันกับความต้องการของประชาชน
ประเด็นต่อมาคือข้อกังวลในเรื่องการควบคุมคุณภาพ ก่อนหน้านี้ศูนย์ไตเทียมที่จะเบิกจ่ายกับ สปสช.ได้ ต้องผ่านการตรวจจาก คณะอนุกรรมการตรวจรับรองมาตรฐานการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ตรต.) แต่ขณะนี้กฎระเบียบของ สปสช.ออกมาว่าอาจไม่จำเป็น และ สปสช.จะมีทีมตรวจสอบคุณภาพเอง แต่ตนยังกังวลในจุดนี้ ดังนั้นควรมีการพูดคุยกันระหว่าง สปสช. และ สมาคมวิชาชีพ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
อ้างอิงข้อมูล : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ