ศูนย์วิจัยคลินิก ศิริราช เปิดเผย ผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้
ศูนย์วิจัยคลินิก รพ. ศิริราช เปิดเผย ผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้ จำนวน 3 รูปแบบ พบว่า ใช้งาน Pfizer เป็นเข็มที่ 2 ให้ผลภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด
วันนี้ (21 ก.ย. 2564) – ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการรายงานเปิดเผย ผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้ 4 รูปแบบ โดยได้ผลลัพธ์ว่า การใช้งานวัคซีนยี่ห้อ Pfizer เป็นเข็มที่ 2 นั้น ให้ผลลัพธ์ด้านภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด
ในส่วนของรายละเอียดในการผลการศึกษานั้นมีด้วยกันดังนี้
จากผลการศึกษาวิจัยโดยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สรุปได้ว่า
1. การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงสุด 2,259.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร
2. การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันดีรองลงมาที่ 2,181.8 หน่วยต่อมิลลิลิตร
3. การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ได้ระดับภูมิคุ้มกัน 1,049.7 หน่วยต่อมิลลิลิตร
การใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก แล้วตามด้วยแอสตร้าหรือไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเป็นเข็มแรกควรตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2
การวัดเป็นผล anti-RBD IgG วัดโดยเครื่อง Abbott และรายงานเป็นหน่วยมาตรฐาน BAU/mL ส่วนผลการวัดแบบ PRNT50 จะมีการรายงานต่อไป
นอกจากนี้ผลการศึกษายังไม่มีปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงหลังฉีดเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองในระยะเวลาห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์
ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อยืนยันภูมิคุ้มกันจากการศึกษานี้
แหล่งที่มาของข่าว : Facebook Page – Siriraj Institute of Clinical Research
สามารถติดตามข่าวโควิด-19 เพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวโควิด-19
- ลาว ผวาเจอ โควิดเดลต้าพลัส ป่วนเวียงจันทน์
- ไม่ลืมกัน! สธ. เตรียมเสนอผ่อนมาตรการโควิด เปิดโรงหนัง และ สถานบันเทิง