ข่าว

นักวิทย์ ม.มหิดล คิดค้น จอประสาทตาเทียม ปลอดสารพิษ

ผศ.ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ นักวิทย์ ม.มหิดล ทุนอัจฉริยภาพนักวิจัยรุ่นกลาง ปี 64 วช. วิจัยไฮเทค คิดค้นและพัฒนาประยุกต์ใช้วัสดุ “เพอรอฟสไกต์” ทำ จอประสาทตาเทียม ปลอดสารพิษ

ม.มหิดล จอประสาทตาเทียม – วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ ความหวังของมวลมนุษยชาติที่จะข้ามผ่านข้อจำกัดทางกายภาพของมนุษย์ซึ่งต้องเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการมองเห็น

ซึ่งปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้สามารถพัฒนาวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับทดแทนจอประสาทตา (retina)

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของวัสดุ “เพอรอฟสไกต์” พบว่าสามารถเปลี่ยนแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่อใช้ตรวจจับหรือเป็นเซนเซอร์รับแสง เพื่อพัฒนาต่อเนื่องให้ส่งสัญญาณไปยังสมองได้

ม.มหิดล จอประสาทตาเทียม
ผศ.ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ และคณะวิจัย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ อาจารย์ประจำกลุ่มสาขาวิชาวัสดุศาสตร์และนวัตกรรมวัสดุ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้คว้าทุนอัจฉริยภาพนักวิจัยรุ่นกลาง ประจำปี 2564 จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กล่าวในฐานะผู้มีผลงานวิจัยโดดเด่นด้านการพัฒนาวัสดุ “เพอรอฟสไกต์” เพื่อการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายกล่าวว่า

วัสดุ “เพอรอฟสไกต์” เป็นสารกึ่งตัวนำที่ไวต่อแสงง่ายต่อการขึ้นรูป และมีประสิทธิภาพไม่ลดลงตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น เหมาะสำหรับเมืองร้อนอย่างเมืองไทย ซึ่งวัสดุ”เพอรอฟสไกต์” สามารถใช้เคลือบบนกระจกและหน้าต่างทำให้สามารถลดความร้อนที่เข้ามาในอาคาร และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในเวลาเดียวกัน

โดยที่ผ่านมากำลังถูกพัฒนาในหลายมิติเพื่อนำมาใช้เป็นเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์สำหรับเมืองร้อน นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาทำเป็นจอโทรทัศน์ จอมือถือ หรือแม้กระทั่งนำมาพัฒนาเป็นวัสดุสำหรับอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ รวมไปถึงวัสดุสำหรับทำเป็นจอประสาทตาเทียม โดยใช้หลักการเลียนแบบดวงตาจริงของมนุษย์ที่ใช้จอประสาทตารับแสงแล้วส่งสัญญาณไปยังสมอง

วัสดุ “เพอรอฟสไกต์” เหมาะที่จะนำมาทำเป็นวัสดุสำหรับจอประสาทตาเทียม เนื่องจากมีความไวต่อแสง และสร้างสัญญาณไฟฟ้าได้ แม้ในภาวะที่มีแสงต่ำ แต่ถ้าจะนำไปใช้จริงจะต้องเปลี่ยนสารตะกั่วซึ่งเป็นสารพิษและเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับ “เพอรอฟสไกต์” ให้เป็นสารชนิดอื่นก่อน เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อร่างกาย

โดยในเบื้องต้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศกรกาญจนบุษย์ นักศึกษาระดับปริญญาเอก นางสาวพิมพ์สุดาภารสงัด และทีมงาน ได้เริ่มการทดลองเพื่อพัฒนาวัสดุที่เหมาะสมและจะนำไปทดลองใช้ในหุ่นยนต์ต่อไป โดยทีมงานได้รับการสนับสนุนจาก วช.ให้เริ่มพัฒนาวัสดุที่เหมาะสมในเฟสแรก

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถใช้ได้จริงในคนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในอนาคต ต้องมีความร่วมมือแบบบูรณาการข้ามศาสตร์ โดยใช้ความรู้ทั้งทางด้านวัสดุศาสตร์ อิเล็กทรอนิกส์ ชีวเคมี และการแพทย์ ฯลฯ

ซึ่งทีมงานได้เปิดรับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การทดลองใช้หุ่นยนต์ต่อไป ก่อนขยายผลไปพัฒนาเพื่อกับคนจริงในอนาคต

ม.มหิดล จอประสาทตาเทียม

โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://pubs.acs.org/doi/10.1021/acs.jpcc.1c02993

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ กล่าวทิ้งท้าย “คนไทยควรจะมีองค์ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อให้ทันต่อโลก แม้เราจะยังผลิตอะไรบางอย่างเองไม่ได้ ต้องอาศัยเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่ก็ควรศึกษาเรียนรู้ไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลต่อยอดผลิตใช้เองได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ซึ่งการทำวิจัยเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย และต้องใช้เวลา รวมทั้งจะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และต้องเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้จึงจะประสบกับความสำเร็จ”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ – อาจารย์ประจำกลุ่มสาขาวิชาวัสดุศาสตร์และนวัตกรรมวัสดุ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

แหล่งที่มาของข่าว : มหาวิทยาลัยมหิดล

สามารถติดตามข่าววิทยาศาสตร์เพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าววิทยาศาสตร์

 

 

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button