‘สมศักดิ์’ เร่งประสานอนุทินขอ วัคซีนโควิด ฉีดผู้ต้องขัง หลังติดเชื้อทะลุหลายพัน
‘สมศักดิ์’ เร่งประสาน อนุทิน ดำนเนิการขอ วัคซีนโควิด เพื่อทำการให้แก่ฉีดผู้ต้องขัง ภายหลังพบว่ามีการติดเชื้อทะลุหลายพันราย
“สมศักดิ์” เผยเร่งประสาน “อนุทิน”ขอ วัคซีนโควิด ฉีดผู้ต้องขังทุกคน วาง 10 มาตรการแก้ปัญหาเชิงรุกพร้อมใช้ฟาวิพิราเวียร์และฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ติดเชื้อเรือนจำ ตรวจทุกคนแบบ 100% รีบวางแผนรับมือเผื่ออนาคตด้วย ยันแจ้งรายละเอียดทุกอย่างไม่ปิดบัง เตรียมติดป้ายตัวเลขหน้าเรือนจำให้รู้ยอดคนติดเชื้อทุกวัน จี้ขรก.ร่วมแรงทำงานอย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าว กรณีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้โควิด-19 เข้าไปอยู่ในเรือนจำมากมาย ทั้งกทม.และต่างจังหวัด รวมตัวเลขแล้วผู้ต้องขังติดเชื้อ 10,384 คน ในขณะนี้ที่รวบรวมได้ เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลทำงานอย่างหนักและต้องทำต่อไป เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจอย่างเต็มที่ อะไรที่หย่อนยานต้องเร่งปรับปรุง
ตอนนี้มีมาตรการ 10 ข้อ คือ
- ให้แถลงจำนวนผู้ต้องขัง ที่ได้ตรวจเชิงรุกไปแล้วมีจำนวนเท่าไร
- ตรวจเชิงรุกให้ครบทุกเรือนจำ ทั้งผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ส่วนกลางทุกคน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง ของกรมราชทัณฑ์ทุกคน 55,000 คน
- ในส่วนของที่มาของเชื้อให้เร่งสืบข้อเท็จจริงและสาเหตุการติดเชื้อครั้งนี้ และถ้าได้ความแน่ชัดจะแจ้งให้ทราบโดยไม่ปิดบังใดๆทั้งสิ้น
- การรักษาและการเฝ้าดูอาการคนไข้จะทำตลอดเวลาไม่มีวันหยุด ทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลา
- ประสานงานกับกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อหาวิธีการรักษาที่เร็วและได้ผลดีที่สุด โดยใช้ยาฟาราพิราเวียร์ รวมทั้งการใช้สมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร เข้าช่วยรักษาในขณะที่รอดูอาการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในระดับสีเขียวที่ติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการ และคนระดับสีเหลืองที่กำลังเริ่มมีอาการ
- ผู้ต้องขังเป็นประชาชนคนไทย ที่ต้องอยู่ในเรือนจำไปไหนไม่ได้100% การอยู่ในที่ถูกล้อมเอาไว้ ขยับขยายไปไหนไม่ได้เป็น อุปสรรคอย่างมหาศาลในการแก้ไข้ปัญหา ประกอบกับห้องนอนนั้นมีผู้ต้องขังอยู่กันอย่างแออัด
- มีความจำเป็นที่ต้องเอาผู้ต้องขังและผู้คุม ที่ไม่ติดเชื้อในทุกเรือนจำ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน
- จะมีการติดประกาศหน้าเรือนจำทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อแจ้งให้ ทราบว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อกี่คนและไม่ติดเชื้อกี่คน หายแล้วกี่คน จะมีการแจ้งเช่นนี้เป็นระยะๆ อย่างน้อยที่สุดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และจะปรับตัวเลขทุกวัน เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนได้รับทราบ
- ผู้บัญชาการเรือนจำทุกคน จะทำรายชื่อผู้ติดเชื้อ และปรับปรุงเป็นรายวันเพื่อให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสามารถเข้ามา ตรวจสอบได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 8.00 น.-18.00น
- กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ จะรีบเร่งวางแผน เตรียมตัวรับการระบาดครั้งนี้ และครั้งหน้าที่จะมีมาได้ทุกเมื่อ
โดยจะรีบเร่งประชุมพิจารณาในเรื่องของบุคลากรที่ต้องเพิ่ม เช่น พยาบาลที่ปัจจุบันขาดแคลนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ตลอดจนพื้นที่ในการรองรับ การดูและรักษาผู้ต้องขัง เพราะโรคระบาดได้เข้ามาอยู่ในชีวิตสังคมคนไทยแล้วทั้งในวันนี้และอนาคต
ซึ่งเป็นความท้าทายของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก เพราะคุณลักษณะของผู้ต้องขังที่ต้องติดเชื้อถูกจำกัด ในเรื่องของกฎหมายที่ให้ต้องจองจำ ประกอบจำนวนผู้ต้องขังที่มีอยู่มากเกินกว่าที่สถานที่ปัจจุบัน ตลอดจนเจ้าหน้าที่เข้ามาดูและจะสามารถรองรับได้
ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณานโยบายการพักโทษในรูปแบบพิเศษ เช่น การติดกำไลEM ให้ละเอียดรอบครอบ โดยพิจารณาสิ่งแวดล้อม และข้อเท็จจริง ตลอดจนสภาวะของผู้ต้องขัง เพื่อกำหนดนโยบายการพักโทษขึ้นมา รวมทั้งกฎหมายต่างๆ เพื่อให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และสังคมได้ประโยชน์ด้วยกัน ตลอดจนสิทธิขั้นพื้นฐานผู้ต้องขัง
นายสมศักดิ์ ได้กล่าวว่า “ถ้าเราใช้ยาฟาราพิราเวียร์ รักษา 10,000 คน หัวหนึ่ง 5,000 บาท จะใช้เงินถึง 50 ล้านบาท แต่หากใช้วัคซีนกับผู้ต้องขัง 300,000 คนหัวละ 1,000 บาทจะใช้ 300 ล้านบาท จะหยุดเชื้อในเรือนจำได้ทั้งหมด
ผมจะเสนอไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งหวังว่าทางนายอนุทินจะเข้าใจและเร่งดำเนินการให้ ส่วนสถานการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ได้ใช้บับเบิ้ล แอนด์ซีล ควบคุมในเรือนจำ
โดยมีการร่วมมือกันส่วนราชการต่างๆในจังหวัด ในเรื่องตัวเลขต้องแจกแจงให้ชัด เราไม่ได้ปิดบังหรือปกปิด แต่หากไม่สามารถทำให้ถูกต้องได้ต้องมีคนรับผิดชอบ เราจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้”
นายอายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขัง15 เรือนจำติดเชื้อ โดยมี 8 เรือนจำในกทม.และปริมณฑลที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เช็คตัวเลขทุกวัน มียอดผู้ติดเชื้อเท่าไร รักษาหายเท่าไร จะมีการติดตามทุกวัน
ส่วนเจ้าหน้าที่มีติดเชื้อ 33 ราย เหลือที่ยังไม่หาย 17 ราย และเราได้ประสานงานกับศาล ถึงทางศาลเข้าใจและอำนวยประโยชน์ทุกทาง ตนต้องขอขอบคุณทางท่านประธานศาลฎีกาด้วย
แหล่งที่มาของข่าว : Facebook Page – ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์
สามารถติดตามข่าวโควิด-19 เพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวโควิด-19
- รุ้ง-ปนัสยา แฉพบผู้ติดเชื้อ โควิดเรือนจำ นับร้อย สวนทางแถลงราชทัณฑ์
- ศบค. เผย คลัสเตอร์เรือนจำ 8 แห่ง ติดเชื้อเกือบครึ่ง