แพท พาวเวอร์แพท ออกมาเปิดใจ เล่าเรื่องราวชีวิตกว่า 16 ปี ในเรือนจำ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นและหลังจากการปล่อยตัว
วันนี้ 5 (ม.ค.) อดีตนักร้องหนุ่ม แพท วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท ได้ออกมาเปิดใจ เล่าเรื่องราวชีวิตกว่า 16 ปี 8 เดือน ในเรือนจำ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นและหลังจากการปล่อยตัว ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่า
วันแรกปรับตัวได้หรือยังกับสังคมใหม่ของเรา ?
“ยัง ก็พยายามอยู่ เพราะช่วงที่ผ่านมาระยะเวลาที่อยู่ในข้างในมันนานมาก 16 ปี 8 เดือน แล้วเทคโนโลยีสภาพสังคม ถนนหนทางทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด มันเปลี่ยนปุปปับภายในวันเดียวมันค่อนข้างจะเร็วเกินไปและยังตั้งตัวไม่ติดเลย”
เมื่อวานภาพบรรยากาศออกจากเรือนจำวันแรก มีการกราบคุณแม่ด้วย ?
“เป็นสิ่งที่เราตั้งใจอยากจะทำมานาน เรามีความรู้สึกผิดบางอย่างติดอยู่ในใจของเรา เราอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเราลำบาก ผมอยากจะขอโทษ แต่ว่ายังไม่มีโอกาสที่จะใกล้ชิดกับครอบครัวขนาดนั้น ตั้งใจไว้ว่าเมื่อพ้นโทษจะต้องกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ แล้วพอไปถึง ณ นาทีนั้นมันไม่ต้องคิดแล้ว มันเป็นความรู้สึกจากโมเม้นต์นั้นเลยเราก้มไปกราบแล้วก็กอดเขา เป็นการขอโทษเขา”
พ่อกับแม่พูดอะไรบ้างตอนที่กอด ?
“พ่อบอกไม่ต้องร้องนะลูก (แล้วลูกร้องไหม) ร้อง (หัวเราะ) โดยปกติผมไม่ได้เป็นคนที่ร้องไห้ง่าย เฝ้าคิดถึงแล้วจิตนาการภาพวันนั้นมาตลอด แล้วพอมาถึงมันตื้นตัน อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่มันจุกไม่สามารถพูดได้ คุณแม่ก็บอกว่าเราจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันนะ ส่วนคนอื่นส่วนใหญ่ก็อวยพรว่าเรื่องร้ายผ่านไปแล้วขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ เอาฤกษ์เอาชัยนะ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัวให้ดี เป็นคนดีคนใหม่ซะ”
แล้วตอนนั้นเราบอกอะไรกับพ่อแม่บ้าง ?
“พูดไม่ออก ไม่ได้พูด ตั้งใจจะพูดนะ แต่มันพูดไม่ออก น้ำตามันไหลออกมาแล้วตอนนั้น จริงๆ ผมอยากจะขอโทษ อยากจะขอโทษทั้งพ่อและแม่ ผมอาจจะไม่ได้เป็นลูกที่ดีที่ผ่านมา อาจจะทำให้ทุกคนลำบากก็อยากจะขอโทษ หลังจากวันนี้ไป วินาทีนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็จะชดเชยสิ่งที่ไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัวกับพ่อแม่จะกลับไปดูแลท่านให้ดีในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไป”
หลังออกจากเรือนจำ ?
“ทางครอบครัวก็ได้พาไปที่วัด ไปถวายสังฆทาน ไหว้พระ แล้วก็รดน้ำมนต์ ไปเยี่ยมญาติตามที่ต่างๆ ซึ่งก็ยังไม่ครบนะครับทุกวันนี้ก็ได้รับพรจากหลายๆ ท่านก็รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก รู้สึกเกินคาดกับความรักความหวังดีที่ทุกท่านในครอบครัวมีให้เรา มื้อแรกคือมื้อเที่ยงเมื่อวานที่ร้านอาหารใกล้ๆ ร้านกาแฟของคุณอา แถวราชพฤกษ์ครับ บรรยากาศอบอุ่นมาก ยังต้องไปอีกหลายๆ ที่ครับ ยังไม่ครบ ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไป แล้วเวลาเดินทางจะมีปัญหาเรื่องการเมารถ แล้วก็ระยะสายตาในการมอง เรามองแต่ที่แคบๆ พอนั่งรถมันมีถนนหนทาง เราต้องมองในวิสัยทัศน์ที่มันไกลขึ้น มันเวียนหัว”
ขอย้อนกลับไปตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมมารู้จักยาเสพติด?
“เด็กๆ โดยส่วนตัวเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงพอสมควร เราเล่นดนตรี ชอบดนตรีร็อกก็มีไอดอลที่เป็นร็อกสตาร์ที่มีความยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เราชื่นชอบเขา ก็แยกแยะไม่ออก อยากเป็นร็อกสตาร์แบบเขา อยากใช้ชีวิตแบบเขา เรื่องความเกเร เรื่องยาเสพติด บวกกับบางครั้งเหมือนไม่มีใครเข้าใจเรา คุยกับเขาไม่รู้เรื่องไม่รู้จะคุยกับใครเวลามีปัญหาก็ใช้ยาเสพติดเป็นเพื่อน มันก็ถลำไปเรื่อยๆ จนชีวิตพังไป (ตอนนั้นถลำลึกแค่ไหน) ก็ทุกวัน ทุกเวลาที่ลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ทำงานได้”
ขยับจากผู้เสพ มาเป็นผู้ค้าได้อย่างไร ?
“พอเราเสพยา จิตใจเราจะไม่เข้มแข็ง อ่อนไหวง่าย ถูกชักจูงง่าย ก็โดนล่อลวงชักจูงไปในทางนั้น โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ คือเราไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการขายทั้งสิ้น แต่ถูกชักจูงว่า เอาไปฝากนะ ก็ใช้ไปเลย เดี๋ยวมาเอา เราติดยา มีของเสพก็โอเคไง ตอนที่ตำรวจจับเพราะเขามาเอายา ตำรวจก็ตามมารวบเลย เขาก็โดนด้วย ตอนนั้นช็อกมากเลยครับ ณ วินาทีนั้น ตกใจ เกิดขึ้นจริงหรอเนี่ย ฝันไปหรือเปล่า”
ตามหลักกฎหมายต้องโดนกี่ปี ?
“จริงๆ แล้ว โทษของผมจะต้องตัดสิน 2 ตลอดชีวิต ในตอนแรก คือตลอดชีวิต 2 ครั้ง แต่ว่าในการให้การเป็นประโยชน์ต่อศาลรับสารภาพก็ลดให้เหลือ 50 ปี ตอนนั้นอายุ 23-24 ปี”
ก้าวแรกในเรือนจำเป็นอย่างไร ?
“มันค่อนข้างแตกต่างจากหนังโดยสิ้งเชิง ตอนแรกที่ผมเข้าไป ผมไปอยู่ที่บำบัดพิเศษกลาง สำหรับคดียาเสพติด เข้าไปตอนเย็น พอเข้าไปมันเงียบมาก มันไม่มีคนเลย 2 ข้างซ้ายขวาเป็นตึก ผมไม่รู้ว่าเวลาที่ผมไปเป็นเวลาที่เก็บผู้ต้องขังแล้ว อยู่ชั้นบนก็จะมีตะแกรงมองลอดได้ ด้วยความที่เงียบผู้คุมพาเข้าไป เสียงตรวนที่ข้อเท้าก็ดัง คนก็มองลงมาซึ่งเขาคงจะทราบข่าวกันแล้ว ก็ร้องเฮรับทั้ง 2 ข้างทาง ผมตกใจมาก ว่ามันคืออะไร แล้วมันมืดไงตอนนั้น ผมไม่เข้าใจ แล้วก็ค่อยเรียนรู้ไปว่าเป็นตึกนอน มีช่องเล็กๆ ที่เขาจะมองเห็นด้านล่าง”
ปรับตัวนานไหมกว่าจะพร้อมคุยกับคนอื่นๆ ?
“วันแรกๆ ต้องสอบประวัติ ตรวจสุขภาพ ตัดผม อะไรต่างๆ ในแดนแรกรับสำหรับผู้ต้องขังใหม่ พอเสร็จธุระผู้คุมบอกว่าเดี๋ยวกลับไปร้องเพลงให้เพื่อนฟังหน่อยนะ เพื่อนรอเป็นร้อยแล้ว พอเราไปถึงเห็นคนนั่งรอเราเป็นชั่วโมง เราก็ร้อง เป็นแดนกิจกรรม ชุมชนบำบัดผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติด วันแรกเลย น่าจะเป็นเพลงของวงสิบล้อ”
ตอนศาลตัดสินจำคุก 50 ปีความรู้สึกเป็นยังไง ?
“ก็ตกใจ เราจะอยู่ยังไงในเรือนจำ 50 ปี แต่พอศาลตัดสินก็น้อมรับคำตัดสิน เพราะว่าเป็นสิ่งที่เรากระทำผิดจริง ก็มานั่งคิดว่าจะอยู่อย่างไรในเรือนจำให้ได้ ก็ใช้เวลาอยู่สักพักในการทบทวนตัวเองว่าเราต้องอยู่และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องอยู่กับมันให้ได้ ก็ทำให้มันดี ทำให้เป็นคนดีที่ดีกว่าเดิม ทำให้คนภายนอกที่เขาเห็นภาพเราเหล่านั้นรู้สึกกับเราใหม่ พัฒนาตัวเองทุกๆ ด้านที่เราสนใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ครอบครัวภูมิใจ ก็เริ่มมองว่าในเรือนจำมีอะไรที่เราสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ ใช้เวลาเป็นเดือนนะที่คิด”
สุดท้ายอยากบอกอะไร ?
“เรื่องเกี่ยวกับตัวอย่างของตัวเองที่เจอมา ผมไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวใคร เกิดกับใคร ผมอยากให้ดูชีวิตผมเป็นบทเรียน เยาวชนควรจะเชื่อฟังเชื่อฟังครอบครัว เชื่อฟังพ่อแม่ เพราะบุคคลเหล่านั้นคือคนที่หวังดีและเป็นห่วงเราที่สุด ใครที่กำลังคิดจะทำสิ่งที่ไม่ดี ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อยากจะให้เลิก มันไม่คุ้มค่ากันกับสิ่งที่คุณคิดว่าคุณผลประโยชน์อะไรมา ถ้าพลาดเข้าไปอยู่ข้างใน ชีวิตจบ ไม่มีเงินจำนวนใดที่จะมาชดเชยชีวิตที่สูญเสียไปในนั้นได้ (ไหว้) อยากขอโอกาสสังคม ผมตั้งใจแล้วว่า ผมจะต้องเป็นคนที่ดีกว่าเดิมให้ได้ ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมเป็นคนดีกว่าเดิมแล้ว ผมเชื่อว่าคนไทยใจดีครับ และยินดีที่ให้โอกาสกับผม ขอบคุณครับ”
สามารถรับชมรายการ คุยแซ่บShow ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564 ที่หนุ่มแพทออกมาให้สัมภาษณ์ได้ทาง ด้านล่างนี้
ที่มา: มติชน
- ส่องประวัติ แพท พาวเวอร์แพท นักแสดงและนักร้องดังยุค 20
- เก่ง ลายพราง โพสต์ ระบาย ชีวิตใน 12 ปี 1 เดือน กับอีก 9 เรือนจำ
- จองกุก BTS ทุ่มเงินซื้อบ้านมูลค่ากว่า 211 ล้าน! ในอิแทวอน
#แพทพาวเวอร์แพท #แพทพาวเวอร์แพทวันนี้ #แพทพาวเวอร์แพทล่าสุด
ภาพปก: Facebook คุยแซ่บShow