จากกรณีที่มีการประกาศ จาก กรมสรรพาวุธทหารบก เรื่อง เผยแพร่แผนการจัดซื้อจัดจ้าง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง ยานเกราะล้อยาง พร้อมระบบอาวุธ และการบริการทางเทคนิค ฯลฯ จำนวน ๕๐ คัน โดยวิธีFMS โดย พล.ท.ศรชัย กาญจนสูตร เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เป็นผู้ลงนาม
โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปี และประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางและของหน่วยงานของรัฐตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น
ส่วนรายละเอียดการจัดซื้อภายใต้ชื่อโครงการยานเกราะล้อยาง พร้อมระบบอาวุธ และการบริการทางเทคนิค จำนวน 50 คัน ด้วยวิธี FMS มีงบประมาณ 4,515,000,000,000 บาท คาดว่าจะประกาศจัดซื้อเดือนในเดือน เม.ย. 2563
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาการตัดโอนงบประมาณ 2563 ในส่วนของโครงการและการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ กระทรวงกลาโหม เพื่อนำมาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า
“การเพิ่มขีดความสามารถก็ให้ชะลอไปก่อน และต้องไม่กระทบต่อสัญญาที่ทำไว้กับต่างประเทศ ขณะนี้งบประมาณ 2563 ได้เริ่มการใช้จ่ายแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะเริ่มตัดโอนวันไหน เพราะโครงการต่างๆ เป็นงบฯผูกพัน ซึ่งเป็นเรื่องของทุกกระทรวงก็ต้องพิจารณาเช่นกัน”
งบกองทัพบกในปี 2563 ได้มีแผนจัดซื้อยุทโธปกรณ์งบประมาณรวมแล้ว 10,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย
- แผนจัดซื้อยานเกราะลำเลียงพล หรือ สไตรเกอร์ จำนวน 50 คัน วงเงิน 4,500 ล้านบาท
- แผนจัดซื้อปืนใหญ่ขนาด 155 มม. เพื่อทดแทนของเก่า วงเงิน 2,000 ล้านบาท
- โครงการจัดซื้อปืนใหญ่ขนาด 105 มม. วงเงิน 900 ล้านบาท
- โครงการจัดซื้อเครื่องบินแบบใช้งานทั่วไปวงเงิน 1,350 ล้านบาท
- แผนจัดซื้อรถถัง VT-4 ล็อตที่ 3 วงเงิน 1,600 ล้านบาท
ต่อมาในสังคมออนไลน์ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ จนทำให้แฮชแท็ก #ยานเกราะพ่องง ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว
