สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี (AFC) ส่งหนังสือถึง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ชี้แจงการตัดสินของกรรมการในการแข่งขันฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง ไทย พบ ซาอุดีอาระเบีย
ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งหนังสือขอคำอธิบายในกรณีของผู้ตัดสินในเกมที่ “ช้างศึก U23” พ่าย ซาอุดีอาระเบีย จากจุดโทษปริศนา โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็น ได้แก่
- ตรวจสอบการตัดสินใจของผู้ตัดสินในหลายเหตุการณ์ที่มีข้อกังขา โดยเฉพาะการมอบใบเหลืองให้กับผู้เล่นทีมชาติไทย กับการปฏิเสธที่จะมอบใบเหลืองให้กับผู้เล่นของ ซาอุดีอาระเบีย
- ความเหมาะสมในการเลือกใช้กลุ่มผู้ตัดสินที่มาจากภูมิภาคเดียวกัน ในการทำหน้าที่ในการแข่งขันแมตช์ดังกล่าว
- ขอให้ชี้แจงขั้นตอนการทำงานของผู้ตัดสินที่ปฏิบัติหน้าที่ในห้อง VAR เกี่ยวกับจังหวะที่ทีมชาติไทย เสียจุดโทษ ว่ามีการให้ความเห็น หรือชี้นำในจังหวะดังกล่าวหรือไม่ และยึดใช้กติกาข้อใดในการตัดสิน
ไม่มีปล่อยผ่าน ! ส.บอลไทย ร่อนจดหมายถึง AFC ขอคำชี้แจ้งจุดโทษปริศนา
ล่าสุด เอเอฟซี ให้คำชี้แจงในกรณีดังกล่าวว่า จุดโทษนั้นเป็นไปตามกฎของ Laws of the game – การที่ผู้เล่นเกมรับดึงเสื้อของผู้เล่นเกมรุกนอกกรอบเขตโทษ หากดึงจนผู้เล่นเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก็จะถือว่าเป็นการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษได้ โดย คริสโตเฟอร์ บีธ ผู้ตัดสินชาวออสซี่ ในห้อง VAR มองเหตุการณ์ในนาทีที่ 73 ตรงกับสิ่งที่ Laws of the game ได้ระบุไว้ จึงให้เป็นลูกจุดโทษ
คนพากย์อังกฤษยังงง! วิเคราะห์จังหวะจุดโทษในเกม ไทย ซาอุฯ U23 (มีคลิป)
ส่วนกรณีที่ถูกพูดถึงกันมากในหมู่แฟนบอล “ช้างศึก” อย่างการตัดสินใจ “ไม่ดู” VAR ผ่านทางจอข้างสนามด้วยตนเองของ อาเหม็ด อัล-คาฟ ผู้ตัดสินชาวโอมาน เอเอฟซี เผยว่า ตามกฎ Laws of the game แล้ว ผู้ตัดสินในสนาม สามารถเลือกที่จะ “ดู” หรือ “ไม่ดู” เหตุการณ์ย้อนหลังผ่านทางจอในสนามก็ได้ ในกรณีที่เป็นการตัดสินจากข้อเท็จจริง อาทิเช่น บริเวณที่ถูกทำฟาวล์ ว่าเป็นในเขต หรือนอกเขตโทษ
ส่วนการเลือกผู้ตัดสินมาทำหน้าที่ในเกมดังกล่าว เอเอฟซี ขอชี้แจงว่า ได้ทำการเลือกผู้ตัดสินในแต่ละเกมด้วยความเหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งพิจารณาจากความสามารถ และประสบการณ์ในการตัดสิน โดยจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมชาติหรือสโมสรของทั้ง 2 ทีมที่ลงแข่งขัน
ภาพจาก ช้างศึก
